กกต. แถลงผลคะแนนเลือกตั้ง 81 พรรคการเมือง พลังประชารัฐ มาเป็นอันดับ 1 ตามด้วย เพื่อไทย และ อนาคตใหม่
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. พร้อมด้วย ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนงานสืบสวนสอบสวน และ นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ ผู้อำนวยการบริหารงานเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ความคืบหน้าการนับคะแนนผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ โดยมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดคิดเป็น 100% รวมทั้งสิ้น 51,239,638 คน
ทั้งนี้ มีผู้มาใช้สิทธิทั้งหมด 74.69% รวม 38,268,375 คน ส่วนผู้ไม่มาใช้สิทธิ 25.31% คือ 12,971,263 คน ส่วนจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ 100% มีจำนวน 38,268,366 บัตร / คิดเป็นบัตรดี 92.85% จำนวน 35,532,645 บัตร ส่วนบัตรเสีย 5.57% จำนวน 2,130,327 บัตร และไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ โหวตโน คิดเป็น 1.58% จำนวน 605,392 บัตร
สำหรับ ผลการนับคะแนน 5 อันดับแรก พรรคพลังประชารัฐ 8,433,137 คะแนน , พรรคเพื่อไทย 7,920,630 คะแนน , พรรคอนาคตใหม่ 6,265,950 คะแนน , พรรคประชาธิปัตย์ 3,947,726, พรรคภูมิใจไทย 3,732,883 คะแนน
นายกฤช กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนที่รับไว้ ณ ขณะนี้ ล่าสุดมีทั้งหมด 186 เรื่อง โดยแบ่งเป็นเรื่องร้องเรียนที่ปรากฏตามสื่อต่างๆจำนวน 40 เรื่อง อีก 71 เรื่อง อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีมูลความผิดจริงหรือไม่ ก่อนที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ไต่สวน สืบสวน สอบสวน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการตั้งธงว่าจะให้ใบเหลือง ใบแดง แก่พรรคการเมืองใด ซึ่งหลังจากที่มีการแชร์ข่าวปลอมออกมาว่า กกต. แจกใบแดงพรรคการเมืองนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงพร้อมจะดำเนินการเอาผิดกับคนที่โพสต์ข่าวปลอมนี้
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการสืบสวน ไต่สวนข้อเท็จจริง ได้มีการ ยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จและจะประกาศผลการรับรองผลภายในวันที่ 9 พฤษภาคม แต่หากว่าการดำเนินการสืบสวนไต่สวนไม่แล้วเสร็จ หลังจากนั้นก็สามารถเอาผิดกับผู้สมัคร ส.ส. ที่ทำผิดได้ในภายหลัง และกรณีการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าจะประเทศนิวซีแลนด์สาเหตุที่ไม่สามารถนำบัตรเลือกตั้งออกมานับคะแนนได้นั่นเพราะว่าบัตรถูกส่งมาล่าช้าจึงไม่สามารถนำมานับได้ซึ่งหากมองตามกฎหมายมาตรา 114 มีคำว่า หรือ ทั้งหมด 4 คำ หากนำมานับ ก็จะเกิดมีผู้ร้องและกลายเป็นปัญหาต่อกระบวนการจัดการเลือกตั้งและภาพรวมด้วย