ศาลจัดหนัก ประธานสหกรณ์จุฬาฯ สั่งจำคุก 200 ปี 600 เดือน คดีฉ้อโกง ติดคุกตอนวัย 80 ปี
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ศาลอาญา รัชดา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.2438/60 ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้อง รศ.ดร.หรือ นายสวัสดิ์ แสงบางปลา อายุ 80 ปี อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาฯ เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
กรณีเมื่อต้นเดือน ม.ค.2559 - 9 มิ.ย.2560 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยตำแหน่งประธานสหกรณ์ออม ทรัพย์จุฬา ฯ จำกัด โดยชักชวน หลอกลวง ประชาชนให้มาลงทุนว่า จำเลยได้รับโควต้าหรือการ จัดสรรคัดเลือกเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อสลากตาม โควต้าที่ได้รับจัดสรรเพื่อไปจำหน่ายเอากำไรต่อโดยจะได้ค่าตอบแทนร้อยละ 1 ต่อเดือน ของ จำนวนเงินที่ให้กู้ยืม หรือร้อยละ 12 ต่อปี และเดือนสุดท้ายจะได้รับผลตอบแทนคืนทั้งหมดพร้อม ดอกเบี้ย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง จนมีประชาชนหลงเชื่อจำนวนมากนำเงินมาลงทุนทั้งสิ้น 183,730,000 บาท ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,343 ,พ.ร.ก.การกู้ยืม เงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (พ.ร.ก.แชร์) โดยนายสวัสดิ์ จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์ คำรับสารภาพจำเลยประกอบพฤติการณ์การกระทำผิดเเล้ว เห็นว่าจำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,343 เเละ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มาตรา 4,5,12 การกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงลงโทษฐานการกู้ยืมเงินที่เป็นการ ฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นบทหนักสุดให้ลงโทษ ทุกกรรมกรรมละ 5 ปี จำเลยรับสารภาพลงโทษ เหลือกรรมละ 2 ปี 6 เดือน การกระทำจำเลยเป็นความผิด 100 ครั้ง คงลงโทษจำคุกจำเลย ทั้งหมด 200 ปี 600 เดือน เเต่ตามกฎหมายคงจำคุกจริง 20 ปี เเละให้ชดใช้ค่าเสียหายเเก่ผู้เสียหาย 100 ราย พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายโดยกำหนดค่าเสียหายเเต่ละรายเเตกต่างกัน ตั้งเเต่ 3 ล้านบาทเศษ-39 ล้านบาทเศษ ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีที่ศาลเเขวงพัทยาให้ยกเนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นอันยุติไปเเล้ว