ผบ.ตร.นำทีมเอง แถลงปิดคดีข่มขืนแหม่งผู้ดีวัย 19 ปี ที่เกาะเต่า ยันไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. และคณะ ร่วมกันแถลงปิดคดีข่มขืนแหม่มชาวอังกฤษ อายุ 19 ปี ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนทุกมิติจนครบถ้วนสมบูรณ์ ตั้งแต่ ระดับโรงพัก ที่เกิดเหตุ และส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำผู้เสียหายและนำหลักฐานที่ ประเทศอังกฤษกลับมาตรวจสอบ ความจริงก็ปรากฏว่าอะไรเป็นอะไร ทุกอย่างสิ้นข้อสงสัย ยืน ยันตำรวจทำหน้าที่เพื่อปกป้องชื่อเสียงของประเทศ และดูแลนักท่องเที่ยว
พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ บุญแก้ว สารวัตรใหญ่ สภ.เกาะเต่า หนึ่งในคณะพนักงานสอบสวนที่เดิน ทางไปประเทศอังกฤษ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้เสียหายในประเด็นต่างๆ เช่น 1.ประเด็น สถานที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้นำภาพถ่ายแผนที่บริเวณที่เกิดเหตุ ภาพถ่ายบริเวณหาดทราย และบริเวณที่ใกล้เคียงให้ผู้เสียหายดู แต่ผู้เสียหายไม่สามารถยืนยันบริเวณที่เกิดเหตุได้ 2.ประเด็นตำหนิรูปพรรณคนร้าย ผู้เสียหายก็ไม่สามารถยืนยันข้อมูลและตำหนิรูปพรรณสันฐาน ของคนร้ายได้ จึงไม่เพียงพอในการดำเนินคดี
3.ผู้เสียหายไม่สามารถยืนยันแผนประทุษกรรมหรือพฤติกรรมของคนร้ายในการกระทำความผิดได้ และ 4.ส่วนเรื่องทรัพย์สิน และบัตรเครดิตที่สูญหาย ทราบมีการอายัดกับสถาบันการเงินและยังไม่มีการแจ้งทำบัตรใหม่ ข้อมูลจึงไม่เพียงพอต่อการตรวจสอบ ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนได้นำพยานหลักฐาน 1 ชิ้นจากผู้เสียหาย คือเสื้อยืดคอกลมสีกรมท่า นำมาตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐาน
พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รอง ผบช.สพฐ. กล่าวว่า ผลการตรวจพิสูจน์เสื้อยืดดังกล่าว พบดี เอ็นเอของบุคคล 2 คน เป็นหญิง 1 คน ชาย 1 คน ปรากฏบนเสื้อ แต่ไม่พบคราบอสุจิตามคำกล่าว อ้าง
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความคดีให้การเท็จ และยังไม่ได้ขึ้นแบล็คลิสต์ห้ามเข้าประเทศ ส่วนการดำเนินคดีกับเพจสมุยไทม์ และ CSI LA ก็มีการจับกุมดำเนินคดีหลายรายแล้ว