เจ้าของเพจสายไหมต้องรอดพผู้จัดการสาขาร้านซูชิดังแจ้งความตำรวจปคบ.เอาผิดผู้บริหารขายแฟรนไชส์แล้วไม่ส่งของตามกำหนดก่อนหายตัวเข้ากลีบเมฆติดต่อไม่ได้ สูญเงินนับล้าน
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาเจ้าของแฟรนไชส์ร้านดารุมะซูชิ 2 สาขา แจ้งความกับ ร.ต.อ.เตชสิทธิ์ เชาวลิต รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ.เพื่อดำเนินคดีกับผู้บริหารดารุมะซูชิในคดีฉ้อโกง หลังบริษัทต้นสังกัดไม่ส่งปลาแซลม่อนและวัตถุดิบทำอาหารมาให้ที่สาขาจนเกิดความเสียหาย
นายเอกภพ กล่าวว่า ได้พาเจ้าของร้านซูชิชื่อดังซึ่งเป็นผู้เสียหาย 2 ราย โดยมีรายหนึ่งจ่ายเงินทำสัญญากว่า 2.5 ล้านบาทตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนก่อน แต่จนตอนนี้ยังไม่ได้เปิดสาขา อีกรายจ่ายเงินแล้ว 2 ล้านบาท แต่เปิดร้านได้ 2 เดือนก็ต้องปิดตัวลงเพราะไม่มีวัตถุดิบมาส่ง ทำให้ลูกค้ามาต่อว่า จนพามาแจ้งความในวันนี้
น.ส.นุ่น (นามสมมติ) กล่าวว่า ร้านเขาติดประกาศหน้าร้านโฆษณาชักชวนให้มาซื้อแฟรนไชส์ ตนก็เป็นลูกค้าประจำ พอเห็นเลยสนใจทำร้านอาหาร จึงติดต่อทำสัญญาเปิดร้านที่ย่านสายไหม โดยเขาจะทำหน้าจัดการดูแลบริหาร ตนแค่รอรับผลกำไร มองว่าเป็นการลงทุนทำร้านอาหารทั่วไป ช่วงแรกก็ไม่มีปัญหา กระทั่งเดือนที่ผ่านมา วัตถุดิบส่งช้า ขาดส่ง และไม่สามารถติดต่อได้ เจ้าของอธิบายผ่านไลน์กลุ่มเรื่องที่ปลาแซลม่อนไม่พอว่า ผู้จัดหาต้นทางหาวัตถุดิบไม่ได้ แล้วเงียบหายไป ก่อนจะติดต่อไม่ได้
น.ส.นุ่น กล่าวอีกว่า ตอนนี้ประกอบธุรกิจไม่ได้เลย แม้จะอยากทำต่อ จากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาด้วยหรือไม่ เพราะหนึ่งวันก่อนเกิดเรื่อง ตนยังเปิดร้านปกติ ทั้งนี้ ร้านกำหนดเงื่อนไขให้ทำโปรโมชั่น 199 บาทด้วย เพราะตนรับคูปองมาขายให้ลูกค้า เขายืนยันว่าทำได้ แม้ว่าปลาแซลม่อนมีจะราคาสูงก็ตาม โดยก่อนตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ ตนเห็นว่าเขาสามารถขยายสาขาได้ มีความน่าเชื่อถือ มีวิธีการคุยเหมือนเป็นเพื่อนสนิท ดูจริงใจ และก่อนหน้านี้ก็จัดโปรโมชั่นมาตลอด ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดปัญหา แรกๆ มีคูปอง 250 บาท ก่อนลดลงเป็น 199 บาทอย่างที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากซื้อวัตถุดิบจากร้านอื่นจะถือว่าผิดสัญญา ส่วนเรื่องรายได้นั้น จะต้องโอนเงินแต่ละวันให้เจ้าของ ก่อนจะโอนกลับมา 10% ในแต่ละเดือน แต่หากคิดจากยอดค่าใช้จ่ายในการซื้อวัตถุดิบแต่ละเดือนกลับไม่มีกำไรเลย ตนเปิดร้านได้ 2 เดือนได้ เดือนละประมาณหลักแสนบาท รวมๆ ยังได้กลับมาไม่ถึงครึ่ง ตอนนี้ก็ต้องปิดตัวลง
ขณะที่ น.ส.ธิดารัตน์ แท่นวิทยานนท์ เจ้าของร้านสาขาวัชรพล กล่าวว่า ตนได้รับการชักชวนให้มาทำร้าน แต่ยังไม่มั่นใจ กระทั่งร้านมีสาขาทั้งหมด 20 แห่ง ก็มองว่ามีความน่าเชื่อถือ จึงตกลงทำสัญญาจ่ายเงินไป 2.5 ล้านบาท คาดว่าน่าจะเป็นสาขาที่ 26 ตามจริงมีกำหนดเปิดร้านเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เปิดก็เกิดเรื่องขึ้น ซึ่งเจ้าของอ้างว่า ไม่มีความรู้ด้านธุรกิจอาหารก็สามารถทำธุรกิจได้ แค่จ่ายเงินค่าสาขา โดยการันตีรายได้ว่าจะได้เงินจากยอดขาย 10% พร้อมให้ไอแพดไว้ 1 เครื่องมาดูยอดลูกค้าและการใช้คูปอง ทั้งนี้ ตนก็ยังหวังว่าเขาจะกลับมารับผิดชอบ แต่ไม่ทราบว่าเจ้าของได้เดินทางออกนอกประเทศไปตามที่เป็นข่าวหรือไม่