ปปป. จ่อออกหมายเรียก อดีตพระกาโตะ - สีกาตอง ให้ปากคำส่งตำรวจลงพื้นที่แล้วขอเวลาตรวจสอบไม่เกิน 4 วันทุกอย่างจะต้องชัดเจน
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า คดีอดีตพระกาโตะ หรือ นายพงศกร จันทร์แก้ว แม้ว่ายังไม่มีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความ แต่กรณีที่อดีตพระกาโตะ เบิกเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว ทางตำรวจ บก.ปปป.จึงมีอำนาจเข้าตรวจสอบได้ตามหน้าที่โดยตรง แม้จะยังไม่มีเจ้าทุกข์เข้ามาแจ้งความ แต่อำนาจของตำรวจ บก.ปปป. เองก็สามารถสืบสวนข้อเท็จจริงได้อยู่แล้ว หากพบกระทำความผิด ก็สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้เหมือนคดีทั่วไป ขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวน บก.ปปป. ลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริง คาดว่า ภายใน 3-4 วัน จะมีความขัดเจนมากขึ้น ว่ าการกระทำของพระกาโตะ กรณีเบิกถอนเงินของวัดไปใช้นั้นมีความผิดหรือไม่ จากนั้นก็จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาต่อว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า กรณีอดีตพระกาโตะ ชี้แจงว่า เป็นเงินส่วนตัว ตอนนี้ยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดในส่วนนี้ ต้องรอการตรวจพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนว่า เป็นเงินของวัด หรือ เงินส่วนตัว หากเป็นการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีวัด จะถือว่าเป็นเงินของวัด จำเป็นต้องเรียกสอบผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนกรณีข้อสงสัยที่ว่าหากอดีตพระกาโตะ เข้ามาบริหารวัดในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดชั่วคราว แต่ยังไม่มีการแต่งตั้ง จะมีผลต่อการตรวจสอบหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ต้องขอดูรายละเอียดขอเท็จจริงให้แน่ชัดก่อน แต่เชื่อว่าการที่วัดจะดำเนินการใดๆ จะต้องมีการทำหนังสือแต่งตั้งก่อน ไม่เช่นนั้น อดีตพระกาโตะจะมีอำนาจดำเนินการภายในวัดได้อย่างไร ถ้าหากไม่มีการแต่งตั้งจริง ผู้ที่ต้องรับผิดชอบจะต้องเป็นไวยาวัจกรของวัด
“การให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆก่อนหน้านี้ของทางอดีตพระกาโตะ ก็ถือเป็นการรับสารภาพเป็นนัยว่าหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดอยู่แล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวหากมีการกระทำผิดจริงก็จะถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ การนำเงินกลับมาคืน ไม่ถือเป็นการลบล้างความผิด เพราะความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว” ผบก.ปปป. กล่าว
สำหรับ กรณีอดีตพระกาโตะ กับ สีกาตองเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแกทุกฝ่าย หลังมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้น จะทำการออกหมายเรียกเชิญตัว อดีตพระกาโตะ กับ สีกาตองมาเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ส่วนการกระทำของสีกาตอง เกี่ยวกับการเรียกรับเงินจากอดีตพระกาโตะจะเข้าข่ายความผิด กรรโชกทรัพย์ หรือไม่ ต้องขอตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน แต่หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ก็จะรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน ส่งให้ทางตำรวจท้องที่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
“ทางเจ้าหน้าที่มีข้อมูลเชิงลึกอยู่บ้าง หากทั้งคู่บริสุทธิ์ใจจริงก็อยากให้มาเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ส่วนกรณีที่ชาวบ้านบางส่วนรู้สึกเห็นใจอดีตพระกาโตะเพราะเป็นคนดี บริหารพัฒนาวัดจนเป็นที่รู้จัก ในส่วนนี้อยากให้แยกแยะว่า การทำความดีกับทำความผิดเป็นคนละส่วนกัน ต้องทำให้เป็นบรรทัดฐาน ผิดก็ว่าไปตามผิด” ผบก.ปปป. กล่าว