รมว.สาธารณสุขยันปกป้องสุขภาพคนไทย สั่งคร.คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาดหวั่นกระแสนิยมในกลุ่มวัยรุ่น พร้อมชื่นชม “หมอประกิต”แถวหน้าสู้ภัยยาสูบ มอบสสส.รณรงค์กลุ่ม 608 รับวัคซีนโควิด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวภายในการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 4/2565 ว่า ขอบคุณ สสส.ที่สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุขในหลายประเด็น โดยเฉพาะการควบคุมยาสูบ ปัจจุบันบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ หรือ บุหรี่ไฟฟ้า กำลังแพร่หลายในหมู่เยาวชน และพบว่า มีความพยายามผลักดันให้ถูกกฎหมาย
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า สธ.ไม่ให้การสนับสนุนต่อการกระทำใดที่จะทำให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นเรื่องถูกกฎหมายแน่นอน เพราะนิโคตินไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ และนำมาสู่โรคมากมาย และที่ผ่านมาได้สั่งการให้กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค (คร.) ทบทวนว่า ต้องมีการออกกฎหมาย หรือแก้ไขกฎระเบียบในประเด็นใดหรือไม่ เพื่อให้การควบคุมดูแลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ได้รับการยืนยันว่า กฎหมายที่มีอยู่ยังสามารถสกัดกั้นบุหรี่ไฟฟ้าได้ ดังนั้นขอให้ สสส. และภาคีเครือข่าย สบายใจได้ว่า สธ.จะไม่เห็นชอบกับข้อเสนอที่ผู้ประกอบการยาสูบเสนอมาแน่นอน
“ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในเรื่องการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบอย่างมากจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ความสำเร็จเหล่านี้มาจากการผลักดันของ สสส.รวมถึง ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ผมต้องขอแสดงความยินดีกับ ศ.นพ.ประกิตที่ล่าสุดได้รับรางวัล Dr LEE Jong-wook Memorial Prize for Public Health จากองค์การอนามัยโลก ท่านถือเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และเชื่อว่าทุกคนในประเทศรับทราบถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ และความมั่นคงในการรณรงค์การลดละเลิกสูบบุหรี่ของท่าน ในส่วน สธ. ก็ได้ท่านมาช่วยงานในหลายด้าน ทำให้ภารกิจเรื่องการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบดำเนินการได้อย่างคล่องตัว และได้รับความร่วมมือจากประชาชนอย่างมาก” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ คร. ทำงานประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีอำนาจกำกับดูแลโดยตรงให้มากขึ้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหา ไม่เช่นนั้นบุหรี่ไฟฟ้าจะกลายเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น เพราะเข้าใจผิดว่าสามารถทดแทนบุหรี่แบบปกติ ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้นขอให้ สสส.ขับเคลื่อนรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น รวมทั้งขอให้สื่อสารรณรงค์ให้ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว หรือกลุ่ม 608 เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 และวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและลดอาการหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้