สกัดจับ 2 ญวน ลักลอบขนชิ้นส่วนเสือใส่มากับใต้ท้องรถทัวร์ คาดเป็นขบวนการค้าเสือข้ามชาติ
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.นนทวร สีอินทร์ รอง ผกก.ป.สภ .เมืองพิษณุโลก รับแจ้ง จากพนักงานประจำรถโดยสารปรับอากาศสายตาก – มุกดาหาร พิเศษ 829 -4 ว่า มีคนต่างด้าว 2 คนท่าทางมีพิรุธ ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่ชานชาลาศูนย์ขน ส่งผู้โดยสาร จ.พิษณุโลก แห่งที่ 1 ถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ด้วย
จึงเดินทางไปตรวจสอบพบชายต่างด้าว 2 คนนั่งอยู่บนชั้น 2 จึงให้ลงมาจากรถ ตรวจค้นตัวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ทราบชื่อต่อมาคือ นายเล บินห์ อายุ 40 ปี สัญชาติเวียดนาม และนายเหงียน วัน ตุง อายุ 29 ปี สัญชาติเวียดนาม จากนั้นได้ให้พนักงานรถนำถุงผ้าสีรุ้งขนาดใหญ่ของทั้งสองคนที่อยู่ในห้องเก็บสัมภาระใต้ท้องรถออกมาตรวจสอบ
เมื่อเปิดดูภายในกระเป๋าพบถุงดำใส่ไว้ข้างใน เมื่อเปิดถุงดำออก ก็พบ โครงกระดูกสัตว์ และเนื้อตากแห้ง คาดว่าเป็นเนื้อแลโครงกระดูกเสือจำนวนมาก จึงได้ควบคุมตัวชายดังกล่าว ส่งพนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก
จากการสอบถามเบื้องต้น ทั้ง 2 รายรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ได้ร่วมกันซื้อซากเสือจาก นายตุ่น สัญชาติเวียดนาม ในราคา 3 หมื่นบาท ที่บ้านพักนายตุ่นที่ จ.ตาก ก่อนขึ้นรถยนต์โดยสาร จาก บขส.จ.ตาก ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อจะเดินทางไป จ.มุกดาหาร คาดว่าจะเป็นขบวนการลักลอบขนซากเสือข้ามชายแดนกลับไปประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ การสืบสวนสอบ สวนจะรอล่ามแปลภาษาต่อไปเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
โดยพนักงานสอบสวนแจ้ง 3 ข้อหาหนัก คือ แจ้งข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองและซ่อนเร้นจำหน่ายซากสัตว์ป่าคุ้มครอง มีโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท
ต่อมา ที่สภ. เมืองพิษณุโลก พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมด้วย นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) นายณรงค์ บ่วงรักษ์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำซากเสือมาทำการตรวจสอบเพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พบว่าเป็นซากเสือโคร่งเพศผู้อายุประมาณ 15-20 ปี มีความยาวตั้งแต่หัวถึงหางกว่า 3 เมตร น้ำหนักตัวมากถึง 200 กก. ซึ่งถือว่าเป็นซากเสือโคร่งที่สมบูรณ์เป็นอย่างมาก
มีการชำแหละแยกชิ้นส่วนเอาไว้เป็นอย่างดี อาทิ กะโหลก เขี้ยว ขาหน้า ขาหลัง ซี่โครง อวัยวะเพศ เนื้อย่างรมควันแดดเดียว เป็นต้น แต่ไม่พบหนังเสือและอวัยวะเครื่องใน ซึ่งถ้าหากส่งออกไปต่างประเทศจะมีมูลค่าถึง 2 ล้านบาท