THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

25 มีนาคม 2565 : 14:07 น.

หน่วยหนุมานกองปราบบุกรวบ “ฉุย รักจันทร์” พร้อมสมุนและ คนรักหลังหนีลงเขามากบดานในกทม. เบื้องต้นยังปากแข็งปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

เมื่อวันที่ 25 มี.ค. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ และ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 และ กก.6 บก.ป. กว่า 30 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรวจค้นเซ็นทรัลแมนชั่น ภายในซอยลาดพร้าว 122 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.หลังสืบทราบว่า นายจำรัส หรือ ฉุย รักจันทร์ อายุ 45 ปี และ นายอัฐพล หรือรวย ใหม่อ่อน อายุ 21 ปี 2 ผู้ต้องหาในคดียิงเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เสียชีวิต ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ได้มาเปิดเช่าพักชั่วคราวเพื่อใช้เป็นที่กบดานซ่อนตัว

ทั้งนี้ ทันทีที่ไปถึง เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมทางเข้าออก ก่อนสืบเท้าเคลื่อนกำลังเข้าประชิดหน้าห้องพัก ก่อนใช้คีย์การ์ดเปิดประตูแล้วโยนสตั๊นบอมบ์หรือ ระเบิดควัน เข้าไป เพื่อเปิดทางจนสามารถเข้าจับกุมตัว นายจำรัส และ นายอัฐพล ได้โดยละม่อม นอกจากนี้ยังควบคุมตัว น.ส.น้ำ (นามสมมุติ) แฟนสาวของ นายจำรัส ที่อยู่ด้วยกันภายในห้องมาทำการสอบปากคำยังกองบังคับการปราบปราม

พล.ต.ท.จิรภพ แถลงผลปฏิบัติการดังกล่าวว่า สำหรับคดีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้ควบคุมสั่งการด้วยตนเอง โดยสนธิกำลังจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 9 เร่งติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากเป็นบุคคลอันตรายต่อประชาชน มีประวัติโชกโชน มีส่วนเกี่ยวโยงทั้งคดีพยายามฆ่า และคดียาเสพติด โดยหลังก่อเหตุเมื่อวันที่ 9 มี.คงนายจำรัสได้หลบหนีการจับกุมมาตลอด โดยหลบหนีตามป่ายางในพื้นที่ จ.พัทลุง และได้หนีมากบดานในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามีการวางแผนหลบหนีมาอย่างดี เพราะมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการหลบหนี เมื่อถูกกดดันในพื้นที่ จ.พัทลุง จึงย้ายมากบดานในพื้นที่กทม. โดยอาจเป็นการเตรียมการหลบหนีไปต่างประเทศ จนกระทั่งวันนี้ (25 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายจำรัส, นายอัฐพล ได้ดังกล่าวพร้อมทั้งยังได้ควบคุมตัว น.ส.น้ำ (สงวนชื่อ-นามสกุล) แฟนสาวของนายจำรัส มาสอบปากคำในฐานะพยานเพิ่มเติมอีกราย

จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์พอที่จะเอาผิดได้ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จากการตรวจค้นยังไม่พบอาวุธปืนดังกล่าว หลังจากนี้จะนำตัวส่งตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และทำการขยายผลถึงอาวุธปืน และผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ โดยขณะนี้มีข้อมูลมากพอสมควร แล้วหากมีพยานหลักฐานปรากฏ ก็จะดำเนินคดีกับผู้ให้ความช่วยเหลือตามกฎหมาย รวมถึงจะทำการสอบสวน น.ส.น้ำ ว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิดหรือไม่ เนื่องจาก น.ส.น้ำ ไม่ใช่บุคคลที่มีหมายจับแต่อย่างใด

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้กำชับให้กองบังคับการปราบปราม, ตำรวจภูธรภาค 8 และ ภาค 9 ทำการปราบปรามผู้มีอิทธิพล, มือปืน และผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่สีแดง ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ สามารถร้องเรียนมายังกองบังคับการปราบปรามได้

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการแกะรอยนายจำรัส และ นายอัฐพล พบว่าหลังจากถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่อย่างหนัก ก็ได้ตัดสินใจหลบหนีออกจากพื้นที่เมื่อวันที่ 22 มี.ค. โดยรถยนต์ส่วนตัวเข้ามายังพื้นที่ กทม. ก่อนจะเปลี่ยนมานั่งรถแท็กซี่ เพื่อเดินทางมาเช่าห้องพักในพื้นที่ย่านรามคำแหง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความคุ้นชิน เพราะเคยใช้เป็นที่กบดานสมัยก่อคดีในอดีต รวมถึงบริเวณดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ที่มีคนใต้พักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ยากต่อการจับสังเกตุ กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ