THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

20 มีนาคม 2565 : 15:44 น.

ตำรวจปทส.จับกุมวินจยย.สาวรับจ้างเปิดบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประวัติแสบเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงออนไลน์ และหลอกลงทุนทำธุรกิจอีกหลายคดีในพื้นที่ต่างจังหวัด

เมื่อวันที่ 20 มี.ค.พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส. สั่งการ พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส.พ.ต.ต.ดนัย ดีดวงพันธ์ สว.กก.1 บก.ปทส., จับกุม น.ส.ฐิติศรี ครบแก้ว อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 449/2565 ลงวันที่ 11 มี.ค. 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” และ หมายจับศาลจังหวัดตราด ที่ 26/2565 ลงวันที่ 17 มี.ค. 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง ,ร่วมกันสนับสนุนฉ้อโกงทรัพย์, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” จับได้ภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านบางเขน กทม.

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้เสียหายรายหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่า ผู้เสียหายมีส่วนพัวพันการกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน จะต้องทำการอายัดเงินในบัญชีของผู้เสียหายทั้งหมดมาการตรวจสอบ หากไม่พบการกระทำผิดใดใดจะดำเนินการโอนเงินคืน พร้อมกันนี้ยังได้แสดงภาพถ่ายการจับกุมชายคนหนึ่งส่งให้ผู้เสียหายดูผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์เพื่อกดดัน และ สร้างความน่าเชื่อถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อยอมทำตามคำแนะนำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว โดยโอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร น.ส.ฐิติศรี เป็นจำนวน 147,000 บาท ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะปิดเครื่องหนีหายไป จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกก่อนนำเรื่องเข้าแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง จนมีการออกหมายจับ

นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่า ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องต้นปี 2565 ชื่อของ น.ส.ฐิติศรี ผู้ต้องหารายนี้ เคยถูกแจ้งความดำเนินคดี เกี่ยวกับการฉ้อโกงออนไลน์ และ การหลอกลงทุนทำธุรกิจอีกหลายคดีตามพื้นที่ต่างจังหวัด ถือเป็นภัยต่อสังคม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเร่งนำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสกระทั่งทราบว่า น.ส.ฐิติศรี ได้หนีมาประกอบอาชีพขี่จักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ย่านบางเขน จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้

สอบสวน น.ส.ฐิติศรี ให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้กับเพจเฟซบุ๊กเงินกู้เถื่อนเพจหนึ่ง ในราคาบัญชีละ 500 บาท จำนวน 6 บัญชี เพื่อต้องการหาเงินมาใช้หนี้สิน โดยไม่ทราบว่าบัญชีของตนเองจะถูกนำไปใช้ในทางผิดกฎหมาย เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง สน.ห้วยขวาง ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ