ผู้เสียหายรวมตัวร้องตำรวจปคบ.ถูกหลอกซื้อกิฟท์วอยเชอร์บ้านพักพูลวิลล่าพัทยา พอถึงเวลากลับเข้าพักไม่ได้เสียหายกว่า 10 ล้าน
เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กลุ่มผู้เสียหายจากการซื้อกิฟท์วอยเชอร์ท่องเที่ยวเมืองพัทยา กับบริษัทแห่งหนึ่งจำนวน 20 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ราเชน แสงหมี รอง ผกก.1 บก.ปคบ.หลังจากซื้อวอยเชอร์ดังกล่าวแล้วไม่สามารถใช้บริการได้เสียหายกว่า 10 ล้านบาท
น.ส.ประภาดา ศรีพสุธา อายุ 33 ปี อาชีพค้าขาย เปิดเผยว่า เมื่อประมาณช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ซื้อวอยเชอร์ที่พักและร้านอาหารหลายรายการในพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อนำมาขายต่อให้กับลูกค้า ช่วงแรกสามารถใช้งานได้ปกติ แต่เมื่อถึงเดือนพ.ย. ลูกค้ากลับเข้าพักไม่ได้ เนื่องจากเจ้าของบริษัทดังกล่าวไม่จ่ายเงินให้กับที่พัก ส่วนร้านอาหารก็ไม่สามารถใช้บริการได้ ลูกค้าจึงแจ้งความพวกตน ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีการนำศิลปินจากรายการเดอะว๊อยซ์มาไลฟ์สด และมีนักแสดงมารีวิวบ้าน ตนจึงเชื่อมั่นและไม่คิดว่าจะมีการโกงเกิดขึ้น
สำหรับ วอยเชอร์นั้นมีหลายประเภท เช่น รีสอร์ท พูลวิลล่า ร้านอาหาร กิจกรรมล่องเรือ ส่วนการโอนเงินโอนเป็นชื่อของบริษัทที่มีการจดทะเบียนจริง รวมถึงมีสำนักงานอยู่ที่พัทยาแต่ปิดตัวลงแล้ว ตอนนี้สามารถติดต่อได้ทางเพจเฟซบุ๊กเท่านั้น ซึ่งทางเพจแจ้งว่าไม่สามารถคืนเงินได้ในทุกกรณี แต่มีการไลฟ์สดเพื่อให้ทราบว่ามีการเคลื่อนไหว และมีการเปลี่ยนที่พักให้แต่หากลูกค้าต้องการที่พักอื่นก็ต้องรอต่อไป ขณะนี้ไม่ทราบว่าตนโดนแจ้งความไปเท่าใด จนถึงตอนนี้ลูกค้าบางคนก็ยังไม่ทราบว่าวอยเชอร์ใช้งานไม่ได้
ขณะที่ น.ส.ธนพร รัชดากรธรรม อายุ 34 ปี อาชีพค้าขาย ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อเกิดปัญหาขึ้นทางบริษัทได้แจ้งว่า ในช่วงวันที่ 10-26 ธ.ค.จะปิดบริการชั่วคราวเพื่อหาบ้านพักทดแทน แต่หลังจากนั้นก็ใช้บริการได้เพียงบางส่วน แต่ยังไม่สามารถเข้าพักบ้านพูลวิลล่าได้ ก่อนหน้านี้ตนก็ทราบข่าว แต่ได้ทวงถามไปยังบริษัทแล้ว ทางบริษัทได้ชี้แจงว่าลูกค้าคนดังกล่าวไม่ทำตามเงื่อนไข ไม่จองล่วงหน้า และเจรจากันเรียบร้อยแล้ว
ด้าน น.ส.การันตี อุทาโย อายุ 45 ปี ผู้ให้เช่าบ้านพูลวิลล่า เปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวได้ขอเช่าบ้านพูลวิลล่า 2 หลัง เป็นเวลา 1 ปี โดยเริ่มช่วงเดือนก.ย. 2564 แต่บริษัทดังกล่าวกลับนำวอยเชอร์ไปขายเกินเวลาที่ตกลงกันไว้ ลูกค้าเองก็ไม่ทราบถึงกรณีนี้ นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวยังผิดนัดชำระค่าเช่าบ้านรวมถึงไม่มีการชำระค่าน้ำ ค่าไฟ มาประมาณ 3 เดือนแล้ว ตามเงื่อนไขตนมีอำนาจยกเลิกสัญญา จึงยกเลิกและเข้าปิดบ้านพูลวิลล่าทั้ง 2 หลัง ปรากฏว่าภายหลังตัวแทนบริษัทมีการกล่าวหาผ่านสื่อท้องถิ่นว่า เหตุที่ลูกค้าเข้าพักไม่ได้เพราะตนปิดบ้านและทำผิดสัญญา จึงกระทบถึงชื่อเสียงของตนด้วย
น.ส.นันทิพัฒน์ คุ้มภัย อายุ 39 ปี พนักงานรับจ้างทั่วไป กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนก.ย. 2564 ตนได้ทำงานกับบริษัทดังกล่าวดูแลในส่วนของรีสอร์ทและพูลวิลล่า ก็พบว่าบริษัทไม่สามารถรองรับลูกค้าได้เพียงพอ เนื่องจากมีพนักงานเพียงไม่กี่คน เพียงเดือนแรกตนก็ได้รับค่าจ้างล่าช้า และเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ก็พบว่าบริษัทมีปัญหาจ่ายเงินช้าหลายด้าน จึงเริ่มไหวตัวทัน และลาออกจากบริษัทดังกล่าว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งเรื่อวต่อให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป