THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

10 มกราคม 2565 : 17:45 น.

นครศรีธรรมราช-สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้นัดหารือยื่นข้อเรียกร้องรัฐห้ามนำเข้าสุกรต่างประเทศเข้ามาแก้ปัญหาขาดแคลน จี้จ่ายเงินเยียวยาผู้เลี้ยงรายย่อยที่ประสบปัญหา

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่โรงแรมสการ์เลท จ.นครศรีธรรมราช นายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดนครศรีธรรมราช หารือเกี่ยวกับปัญหาสุกรขาดตลาดว่า วันนี้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรในภาคใต้ได้มีการประชุมร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เนื่องจากเราเป็นห่วงผู้เลี้ยงสุกรทั้งรายเล็ก กลาง และใหญ่ ที่ประสบปัญหาหลายๆด้าน โดยเราต้องอาศัยความร่วมมือกันในการแก้ปัญหา

นายโสภณ พรหมแก้ว นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผู้เลี้ยงประสบปัญหาสุกรทั้งแม่หมูและลูกหมูที่หายไปจากวงจรเราต้องใช้เวลาในการดึงกลับมาให้เป็นปกติ ใน 2-3 ปีที่ผ่านมากำลังการผลิตถดถอย เพราะแม่สุกรได้รับความเสียหายมาก และลูกสุกรก็หายไปจากการผลิต จึงทำให้สุกรมีจำนวนน้อยไม่พอเพียงในการส่งเข้าตลาด จึงทำให้ราคาสูงขึ้นซึ่งปัญหาที่เกิดไม่ใช่เฉพาะภาคใต้ แต่เป็นทั้งประเทศ ดังนั้นในที่ประชุมสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้เราสรุปกันว่า เราจะไม่ขึ้นราคาสุกรมีชีวิตโดยจะไม่ให้ขึ้นราคาเกิน กก.ละ 110 บาทเพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ให้เดือดร้อนไปมากกว่านี้ ไม่อยากเป็นโจทย์ของสังคมว่า หมูแพงแล้วไข่แพงไก่แพงตามไปด้วย เพราะสาเหตุมาจากสุกรราคาสูงขึ้น นี้เป็นปัจจัยหลักๆที่คุยกัน ปัจจัยที่ 2 คือโรคระบาดคนในวงจรการผลิต เกษตรกรได้รับความเสียหายมากมายบางรายต้องเลิกเลี้ยงไปโดยเฉพาะในจ.นครศรีธรรมราชหายไปถึง 50 %

ทั้งนี้ เราไม่เห็นด้วยที่ภาครัฐนำสุกรจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย หากนำเข้ามาเราก็ต้องมีการรับรู้ว่านำเข้ามาเท่าไหร่ จำนวนเท่าไหร่ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะให้เกษตรกรแล้วก็พี่น้องผู้บริโภคไม่เดือดร้อน หากภาครัฐจำเป็นต้องนำหมูจากต่างประเทศเข้ามา ภาครัฐก็ต้องจ่ายเงินเยียวยา หรือสนับสนุนผู้เลี้ยงรายย่อยให้กลับเข้ามา ภาคใต้เรามีเกษตรกรเดิมถึง 2 หมื่นราย ล้มหายตายจากไปพอสมควร ตนเชื่อว่าเกษตรกรภาคใต้อยากลับมาเพราะเงินพวกนี้จะมีประโยชน์ หวังว่าภาครัฐควรรับฟังประเด็นที่นำเสนอไป

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้มีการพูดถึงเรื่องปัญหาโรคระบาดเอเอสเอฟซึ่งผู้เลี้ยงประสบมาตั้งแต่เดือนเม.ย.2562 ทำให้แม่สุกรหายไปจากวงจร 1.1 ล้านตัว เหลือแม่สุกรเพียง 5 แสนตัว ลูกสุกร 28 ล้านตัว เหลือ 13 ล้านตัว ที่ผ่านมากลุ่มผู้เลี้ยงได้รวมตัวกันตั้งด่านถาวรตามชายแดนโดยใช้เงินส่วนตัวในการจำกัดสุกรที่เป็นโรคฝังและเผา อยากให้กรมปศุสัตว์มีความรับผิดชอบสูงกว่านี้ ซึ่งโอกาสที่สุกรในประเทศจะเหลือแค่ 20% เป็นไปได้ เพราะตอนนี้สุกร 21 ล้านตัว เหลือ 11 ล้านตัว หากเปิดประเทศคงไม่พอแน่นอน 

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ