THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

09 มกราคม 2565 : 19:26 น.

กาญจนบุรี-จนท.รวมทั้งสัตวแพทย์และนักข่าววิ่งหนีป่าราบหลังถูกช้างป่าสลักพระที่ถูกรถชนบาดเจ็บพุ่งเข้าใส่ ขณะที่เร่งติดตามหาตัวเพื่อรักษาอาการเจ็บที่ขาหน้าขวาหัก

เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ความคืบหน้ากรณีรถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สี่ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน 5 กย 7763 กรุงเทพฯ พุ่งชนช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระอย่างแรง ทำให้รถยนต์กระบะพังเสียหายยับเยินและมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 2 ราย ส่วนคนขับเป็นชายไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ขณะเดียวกันช้างป่าที่ถูกชนได้รับบาดเจ็บขาหน้าด้านขวาหัก เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 07.30 น. ของวันนี้ (9 ม.ค.65) ที่บริเวณถนนสาย 3199 ลาดหญ้า-ศรีสวัสดิ์ บ้านท่ามะนาว หมู่ 2 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี สำหรับช้างป่าที่ได้รับบาดเจ็บขณะนี้ยังไม่สามารถระบุเพศได้ โดยเป็นช้างที่โตเต็มวัย อายุประมาณ 15-20 ปี หนักประมาณ 6-7 ตัน ถือว่าเป็นช้างที่ตัวใหญ่มากตัวหนึ่ง หลังถูกรถชนได้เดินหายเข้าไปในป่าทันที 

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ พร้อมด้วย น.ส.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ น.ส.กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระรวมกว่า 10 นาย ได้ออกติดตามหา ด้วยการเดินไปตามร่องรอยของกิ่งและต้นไม้ที่หักล้มลง การติดตามเป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากตลอดเส้นทางมีกอไผ่ล้มขวางทางรวมทั้งเต็มไปด้วยหนาม 

่่ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้พบช้างตัวดังกล่าวอยู่ภายในป่าห่างจากถนนสาย 3199 เข้าไปเกือบ 1 กิโลเมตร ระหว่างนั้นช้างได้ส่งเสียงร้องออกมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ นายไพฑูรย์ อินทรบุตร ได้ตะโกนเรียกแทนช้างว่า “พี่ใหญ่ เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือพี่ใหญ่แล้ว อย่าโมโหนะ” นายไพฑูรย์และเจ้าหน้าที่ได้เรียกพี่ใหญ่ได้ไม่นานนัก ช้างป่าได้พุ่งชนต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขวางหน้าวิ่งเข้าใส่คณะเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่รวมทั้งคณะสัตวแพทย์ และสื่อมวลชนที่ไปทำข่าว วิ่งหนีตายไปคนละทิศละทาง ในที่สุดเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าไป  3 นัด เมื่อช้างได้ยินจึงตกใจและถอยร่นกลับเข้าป่าไป

นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่ได้วางแผนกันไว้ว่า จะนำเอายาไปไว้ที่แหล่งน้ำ เนื่องจากคาดว่าช้างที่ได้รับบาดเจ็บยังไม่ได้กินน้ำมาตั้งแต่ช่วงเช้า ส่วนแหล่งน้ำอยู่ห่างจากจุดที่พบช้างประมาณ 800 เมตร โดยจะนำยาแก้อักเสพยัดใส่เข้าไปในลูกสับปะรด หรือลูกขนุน หรือกล้วย เอาไปวางไว้ที่แหล่งน้ำเพื่อให้ช้างได้กิน แต่อุปสรรคคือ แหล่งน้ำบริเวณนั้นมีช้างป่าอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามากินน้ำเช่นเดียวกัน หากช้างป่าตัวที่ได้รับบาดเจ็บไปถึงแล้วพบว่าช้างกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่แหล่งน้ำ เชื่อว่าช้างตัวนี้คงไม่กล้าที่จะลงไปอย่างแน่นอน เพราะจะถูกทำร้ายกัน แต่หากไปแล้วไม่พบช้างก็จะได้กินผลไม้ที่ใส่ยาเข้าไปถือว่าโชคดี

สำหรับ วิธีการติดตามหาช้างนอกจากจะให้เจ้าหน้าที่เดินตามหาแล้ว ขณะเราได้ประสานไปยังสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เพื่อส่งเจ้าหน้าที่พร้อมโดรนมาบินตามหาอีกทางหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินทางมา แต่ปัญหาการใช้โดรนบินก็คือพื้นที่ที่ช้างเดินนั้นเป็นป่ารุกทึบ จึงยังไม่มั่นใจว่า จะสามาถ่ายภาพมองเห็นตัวช้างหรือไม่ แต่ก็จะพยายามบินให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้มองเห็นตัวช้างหรือร่องรอยที่ช้างเดิน แต่การใช้โดรนนั้นจะมีความปลอดภัยกว่าการเดิน เพราะการเดินจะต้องรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัย เพราะช้างป่าตัวนี้มีนิสัยที่ดุร้ายมาก ก็ต้องขอฝากเตือนไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนสาย 3199 ตั้งแต่ต.วังด้ง ไปจนถึงอ.ศรีสวัสดิ์ ต้องขับด้วยความระมัดระวังโดยเฉพาะช่วงหัวค่ำและเช้ามืด 

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ