สุราษฎร์ธานี-หนุ่มอิสราเอลหนีกักตัวที่ กทม.ล่าสุดได้มอบตัวตามหมายจับที่เกาะสมุยแล้ว เจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจหาเชื้อซ้ำอีกรอบ

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมนายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเกาะสมุย นำกำลังเดินทางไปที่ร้านอาหารสมุยเพีย บางรักษ์ หมู่ 4 อ.เกาะสมุย เพื่อรอรับมอบตัว  นายโอฮัท บรันช์ อายุ 29 ปี สัญชาติอิสราเอล หลังจากที่ได้ประสานขอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงร้านดังกล่าว พบนายโอฮัทนั่งอยู่ในร้านอาหาร เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแสดงตัวว่ามารับตัวก่อนนำขึ้นรถตู้โรงพยาบาลเกาะสมุย เพื่อไปทำกรตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง ที่โรงพยาบาลเกาะสมุย เจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเกาะสมุย ดูแลความปลอดภัย ป้องกันการหลบหนีอีก

สำหรับ นาย โอฮัท บรันช์ เดินทางเข้าไทย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา จากนั้นได้มีการกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท พร้อมทำการตรวจ RT-PCR โดยผลปรากฎว่าหนุ่มอิสราเอลระหว่างรอผลได้หลบหนีออกจากโรงแรมที่กักตัว ไม่ปฏิบัติตามมาตรการของการของกระทรวงสาธารณสุข ทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังกันออกติดตาม จากการตรวจสอบพบว่าหนุ่มอิสราเอลรายนี้ ได้เรียกรถแท็กซี่ โดยสารจากโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิท ไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งย่านพัทยาและในหลายพื้นที่ และจ.ชลบุรี ปฎิเสธการแสดงเอกสารการเดินทาง และเอกสารการตรวจโควิด ต่อทางโรงแรมที่จะเข้าพักที่พัทยา ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมจึงปฏิเสธการให้เข้าพัก แต่นายโอฮัทยังคงท่องเที่ยววนเวียนอยู่ในย่านพัทยาจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม

ต่อมาพบว่าหนุ่มอินสราเอลรายนี้ ยังได้เช่ารถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ เดินทางไปยังพื้นที่ภาคใต้ โดยเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปรากฎภาพ ไปปรากฎที่จ.ชุมพร ก่อนที่จะเดินทางไปยังเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีในวันเดียวกัน โดยได้ลงเรือโดยสารเฟอร์รี่เที่ยว 14.30 น.เดินทางเข้ายังเกาะสมุย และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เกาะสมุย

ขณะเดียวกันตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้มีออกหมายจับนายโอฮัท ในข้อกล่าวหา ความผิดฐาน ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) เรื่อง แนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 ในมาตราการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและหลักเกณฑ์กำดำเนินการในสถานที่กักกัน ซึ่งทางราชการกำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 (มาตราการเมื่อเดินทางมาถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร ในระหว่างที่รอผลการตรวจหาเชื้อโควิด 149 ห้ามเดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พัก)

ขณะที่ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเดินทางเข้าประเทศไทยในรูปแบบ Test and Go เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ระหว่างรอผลตรวจโควิดแบบ RT-PCR ได้หายออกจากโรงแรม จนต่อมาผลตรวจพบว่า ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ไม่ใช่สายพันธุ์โอไมครอน เบื้องต้น เข้าข่ายความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวเข้าราชอาณาจักรไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ  ทางตำรวจ สน.ทองหล่อได้ขอศาลออกหมายจับ