ศบค.เร่งตามตัวผู้ที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศแอฟริกา 252 คน ตรวจ RT-PCR ด่วน เผย "โอไมครอน" แพร่เชื้อได้เร็ว ติดซ้ำได้ ย้ำฉีดวัคซีนป้องกันความรุนแรงได้
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศบค.) กล่าวว่า ประเทศไทยจะปิดรับผู้เดินทางมาจาก 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยงสูงในแอฟริกาที่พบการระบาดของเชื่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64 เป็นต้นไป ยกเว้นผู้ที่มีสัญชาติไทย
ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอื่นในแอฟริกาจะต้องเข้าระบบกักตัว และมีมาตรการติดตามผู้เดินทาง ที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยง ระหว่างวันที่ 15-27 พ.ย.64 ซึ่งเข้ามาในระบบแซนด์บ็อกซ์ 255 คน เดินทางออกจากประเทศแล้ว 3 คน คงอยู่ในประเทศไทย 252 คน ขณะนี้ติดตามได้ 11 คน
ดังนั้นจึงขอให้ผู้เดินทางจาก 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้ง 252 คน รายงานตัว เข้ารับการตรวจ RT-PCR เร็วที่สุด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ
ส่วนกลุ่มผู้เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงต่ำ 453 คน แซนด์บ็อกซ์ 321 กักตัว 132 คน ติดตามได้ 18 คน ขอให้ขยายการกักตัวจนครบ 14 วัน และตรวจหาเชื้อซ้ำ ในกรณีที่อยู่บ้านหรือที่พักขอให้อยู่กับที่จนครบ 14 วัน แล้วมาตรวจหาเชื้อ
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า เมื่อเปรียบเทียบความรุนแรงและการก่อโรคของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เบื้องต้นลักษณะอาการพบว่าไม่มีความแตกต่างกับสายพันธุ์อัลฟา เบตา แกมมา และ เดลตา บางรายงานระบุว่ามีอาการปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย แต่ยังไม่พบว่าสูญเสียการรับรู้กลิ่น/รส ซึ่งอาการป่วยไม่รุนแรง ขณะที่ความเร็วในการแพร่โรคคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า wild type แต่ยังไม่มีข้อมูลหลักฐานยืนยันอย่างไรก็ตาม พบว่ามีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตในต่างประเทศ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้สามารถป้องกันความรุนแรงของอาการผู้ติดเชื้อได้ ระยะฟักตัวยังไม่มีข้อมูล อาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ อย่างมีนัยยะสำคัญ พบว่ามีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้สูงขึ้น