กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในภาพรวมทั้งประเทศยังกระทบ 13 จังหวัด เร่งประสานดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 6-7 พ.ย.2564 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ รวม 4 อำเภอ 5 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 143 ครัวเรือน ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ภาพรวมสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังบางพื้นที่ ดังนี้ 1.สุราษฎร์ธานี เกิดเหตุฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิภาวดี และอำเภอชัยบุรี รวม3 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 55 ครัวเรือน ปัจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 2.นครศรีธรรมราช เกิดเหตุฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเอบางชัน รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้านประชาชนได้รับผลกระทบ 50 ครัวเรือน ปัจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว และ3.กระบี่ เกิดเหตุฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอปลายพระยา รวม 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 38 ครัวเรือน
ทั้งนี้ สถานการณ์อุทกภัย และน้ำป่าไหลหลากภาพรวมทั้งประเทศจากอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 7 พ.ย. 2564 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 10 จังหวัด (หนองบัวลำภู มหาสารคาม อุบลราชธานี นครราชสีมา ลพบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม) รวม 31 อำเภอ 287 ตำบล 1,688 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 76,420 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 23 ราย ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เร่งระบายน้ำและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง