พระนครศรีอยุธยา-พรรคร่วมฝ่ายค้านลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยุธยาต่อเนื่อง จี้ถ่ายโอนอำนาจและงบประมาณให้ท้องถิ่นเพื่อให้การช่วยเหลือในพื้นที่รวดเร็ว

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นายจิรทัศ ไกรเดชา ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย และ น.ส.ธนพร โสมทองแดง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ร่วมกันมอบถุงยังชีพพร้อมให้กำลังใจประชาชน ในพื้นที่หมู่ 7 ต.รางจรเข้ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับผลกระทบจากนํ้าท่วมมากว่า 2 เดือน โดยมี นายนพพร หล่อเหลี่ยม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.รางจรเข้พาลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม โดยชาวบ้านยังระบุว่าระดับน้ำสูงเกือบเท่าปี 2554

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในปีนี้น้ำท่วมมากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว ซึ่งจ.พระนครศรีอยุธยา ปัญหาใหญ่ คือ น้ำท่วมซ้ำซากเนื่องจากเป็นที่ลุ่ม เมื่อน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยามีอัตรสูงกว่า จำเป็นต้องระบาย พอมาถึงช่วงจ.พระนครศรีอยุธยา สภาพพื้นที่จะเป็นเหมือนคอขวด เส้นทางคลองต่างๆที่ระบายน้ำจะคดเคี้ยว ทำให้น้ำเอ่อล้นไปทางชาวบ้าน การช่วยเหลือประชาชนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสำคัญมาก รัฐบาลจากส่วนกลางจะตอบสนองปัญหาความต้องการของประชาชนล่าช้า ดังนั้น การถ่ายงบประมาณอำนาจตัดสินใจให้ท้องถิ่นมีความสำคัญมาก มีคำเปรียบเปรยว่าท้องถิ่น หรือ อบต.เหมือนแม่ ต้องดูแลทุกข์สุขของหมู่บ้านตำบลกับท้องที่ทั้งนี้

กำนันผู้ใหญ่บ้านเหมือนพ่อ ผู้ปกครองดูแลวินัยคุ้มครองคนในตำบลหมู่บ้าน ควรจะเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของรัฐบาลเรื่องการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันที่ 28 พ.ย. ดังนั้น คิดว่าปัญหาของชาวบ้านทั้งหมด วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องถ่ายโอนอำนาจมาให้กับท้องถิ่น ไม่ใช่อำนาจอย่างเดียวถ่ายโอนเงินงบประมาณด้วย

จากนั้นคณะได้ไปเยี่ยมและรับฟังความคืบหน้าจากนายพงษ์ศักดิ์ เลียววงศ์วาน ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญที่ 2 โครงการผันน้ำหลากบางบาล-บางไทร จ.พระนครอยุธยา โดยมีงบประมาณผูกพันปี 2563-2566 จำนวน 9,222 ล้านบาทเศษ ขุดคลองระบายน้ำความยาว 22.50 กิโลเมตร ประตูระบายน้ำ สะพานข้ามคลอง กำแพงป้องกันตลิ่ง และคันกันน้ำ คลองมีขนาดมีความกว้างประมาณ 150 เมตร แต่ซื้อที่ดินเวนคืนจากชาวบ้านเป็นแนวทาง 200 เมต ส่วนที่เหลือเป็นถนนฝั่งคลองทั้ง 2 ด้าน จาก อ.บางบาล ไป อ.บางไทร คาดว่าจะป้องกันและบรรเทาน้ำท่วมด้วยระบบบริหารจัดการ

อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานคาดว่า โครงการสามารถบรรเทาอุทกภัยน้ำท่วมได้มากกว่า 1.9 ล้านไร่/ปี โครงการนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อประมาณปี 2563 ตอนนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คืบหน้าแล้ว 20% จากรายงานต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเขาเป็นมืออาชีพ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งให้ประชาชน จึงขอให้ประชาชนได้รับรู้และการสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกันเป็นสิ่งสำคัญของระบบราชการในวันนี้

ด้าน น.ส.ธนภร กล่าวว่า จ.พระนครศรีอยุธยา ประสบปัญหาทุกปีทั้งภัยแล้งและภัยล้าง โดยเฉพาะอยุธยาตอนบน อ.บางประหัน ภาชี อุทัย วังน้อย ในช่วงฤดูแล้ง จะขาดน้ำด้านอุปโภคและทำการเกษตร แต่พอหน้าฝนจะถูกน้ำท่วมหนัก ขอฝากให้ชลประทานแก้ปัญหาความเดือนร้อนของของประชาชนทั้งระบบด้วย