เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 นำแถลงจับกุมหนุ่มสาวคู่ผัวเมียถ่ายคลิปร่วมเพศใต้ต้นยางนาจนชาวบ้านหวั่นเป็นอาเพศทำให้ต้นยางนายักษ์อายุกว่า 150 ปีล้มล้มครั้งประวัติศาสตร์ อึ้งตระเวนถ่ายร่วมร้อยคลิป
สืบเนื่องจาก ศปอส.ภ.5 ได้ตรวจสอบพบมีการถ่ายทำคลิปวิดีโอลามก อนาจารนอกสถานที่แล้วเผยนำไปแพร่ผ่านในเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดียมากกว่า 70 คลิปจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ประกอบกับเหตุต้นยางนายักษ์กว่า 150 ปีล้มกว่า 10 ต้น อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและยังล้มทับศาลหลักเมืองด้วย จนทำให้มีการโยงกับความเชื่อเป็นกาลกิณีอาเพศหรือขึดเมื่อ 1 ต.ค.ที่ผ่านมาหลังมีพายุลมแรงฝนฟ้าคะนอง อันเป็นผลมาจากการไปถ่ายคลิปลามกบริเวณต้นยางนายักษ์
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 (ศปอส.ภ.5) ร่วมแถลงการจับกุมหนุ่มสาวที่ร่วมเพศใต้ต้นยางนา อ.สารภี จ.เชียงใหม่ คือนาย เอ (นามสมมติ)และน.ส.บี (นามสมมติ)แจ้งข้อหาตาม ประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 287 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์ และ มาตรา 388 ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
ทั้งนี้ ทั้งคู่ถ่ายทำคลิปวีดิโอลามกอนาจารข้างถนนสาย เชียงใหม่-ลำพูน หน้าแขวงการทาง ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี ใต้ต้นยางนา ทางพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ปิยะ ส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามผู้เกี่ยวข้องกับคลิปดังกล่าว จนสามารถตามผู้เกี่ยวข้องในคลิปวิดีโอได้ โดยศปอส.ภ.5 ได้เชิญบุคคลทั้ง 2 ราย มาให้ปากคำ โดยนาย เอ (นามสมมติ)ให้การรับสารภาพว่า มีความเชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ เป็นสามีของ น.ส.บี (นามสมมติ) และเป็นหญิงชายไทยในคลิปวิดีโอลามกอนาจารดังกล่าวจริง อีกทั้งพบเส้นทางการเงินที่ได้จากการรับสมัครให้เข้าชมคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดียมากกว่า 70 คลิป
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า จากคลิปวิดีโอดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ของจ.เชียงใหม่เสื่อมเสีย ประชาชนชาวเชียงใหม่ไม่พอใจกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนี้ หวั่นจะมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมประเพณีของชาวล้านนา อีกทั้งกลุ่มผู้ต้องหายังได้รับผลประโยชน์จากการกระทำความผิดดังกล่าว เห็นควรดำเนินการตามกฏหมายจนถึงที่สุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 3 ข้อหา คือ ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิเเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาทข้อหาผู้ใดเพื่อความประสงค์แห่งการค้าเพื่อการแจกจ่าย หรือเพื่อแสดงอวดแก่ประชาชนฯ ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีลักษณะลามก และประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
ผบช.ภ.5 กล่าวว่า การเผยแพร่คลิปวิดีโอลามก อนาจารในหรือนอกสถานที่ แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย เป็นความผิดอาญาทั้งคนถ่าย ผู้เผยแพร่ ผู้ตั้งกรุ๊ปขายรูป และที่สำคัญแม้ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดโดยตรง แต่แค่เข้าไปคอมเมนต์ก็อาจทำให้มีความผิดได้ สำหรับคนถ่าย อาจเข้าข่ายความผิดทั้งฐานอนาจาร ฐานถ่ายภาพ และฐานครอบครองสื่อลามกอนาจ การโพสต์ลงโซเชียล เข้าข่ายความผิดส่งต่อสื่อลามกอนาจารให้คนอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา และยังเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การตั้งกลุ่มขายภาพอนาจาร หากดูแล้วมีเจตนาถ่ายภาพเพื่อขาย-แสดงอวด แก่ประชาชน ระวางโทษจำคุก ถ้าพบภาพที่เขาโพสต์มามีข้อความ (ลามก) เราไม่ควรส่งต่อ เพราะถ้าส่งต่อเท่ากับเราสนับสนุน
อย่างไรก์ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.สารภีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป