สุรินทร์-ชาวบ้านชายแดนโวยรัฐบาลลำเอียงไม่จัดสรรวัคซีนในจำนวน 10 ล้านโดสให้พื้นที่ชายแดนสุรินทร์ที่เสี่ยงมากกว่าบุรีรัมย์ ล่าสุดพบ ตม.ติดโควิดแล้ว 3 ราย คนขับรถส่งสัมภาระแรงงานต่างด้วยติดอีก 1 ราย ทำให้การค้าชายแดนซบเซาหนัก
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดสรรวัคซีนให้กับพื้นที่จ.ชายแดนโดยเฉพาะ จ.สุรินทร์ ถือเป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน และมีตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ถือว่าเป็นตลาดชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอีสานใต้ และยังเป็นพื้นที่เสี่ยงที่มีประชาชนเดินทางผ่านไปมาทั้งขนส่งสินค้าจากพื้นที่จังหวัดต่างๆ เข้ามา รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเลือกซื้อสินค้าจำนวนมาก
นอกจากนี้ ชายแดนดังกล่าวยังเป็นพื้นที่เสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง ใช้ผลักดันแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงและจังหวัดต่างๆเพื่อกลับประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนให้ ทั้งที่ จ.บุรีรัมย์ เป็นจังหวัดที่ติดกัน ไม่มีตาลดการค้าชายแดน แต่กลับได้รับการจัดสรรวัคซีนก่อน ทำให้ประชาชน พ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าต่างๆ ในพื้นที่ตลาดชายแดนช่องจอม ได้เรียกร้องผ่านสื่อส่งข่าวไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาดหม รัฐบาลและ ศคบ.ให้เล็งเห็นความสำคัญชายแดนด้าน จ.สุรินทร์อย่างเร่งด่วนด้วย
ทั้งนี้ ล่าสุดพบข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ตม.กาบเชิง ติดโควิด 3 รายติดจากชาวกัมพูชาที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงและถูกผลักดันกลับประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ตม.ประจำสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง 1 ราย และ ตม.จากสุวรรณภูมิที่ย้ายมาช่วยราชการ 2 ราย ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบทำประวัติแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่กลับจากจังหวังหวัดต่างๆ ก่อนผลักดันกลับประเทศกัมพูชา โดยแรงงานกัมพูชาจะมารวมตัวกันอยู่ที่ข้าง สนง.ตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง อ.กาบเชิง พบข้อมูลว่า จนท.ตม.กาบเชิง 1 รายได้ฉีดวัคซีน”ซิโนแวค”แล้ว 2 เข็ม แต่ยังติดไวรัสโควิด ขณะที่พบชายอีก 1 ราย อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ม.18 ต.ด่าน อ.กาบเชิง เป็นคนขับรถส่งสัมภาระให้กับแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชากลับประเทศ ที่จุด สนง.ตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิงติดโควิดด้วย ซึ่งทราบผลตรวจทั้งหมดวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา และถูกนำตัวรักษาที่ รพ.กาบเชิงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่าเศรษฐกิจชายแดนเริ่มซบเซามาตั้งแต่โควิดระบาดระลอกแรก จนมาถึงขณะนี้ ทำให้บรรยากาศการค้าขายสินค้าต่างๆ ในพื้นที่ชายแดนเงียบเหงา ร้านค้าปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง พ่อค้าแม่ค้าที่หาเช้ากินค่ำ ยังคงคาดหวังกับมาตรการของรัฐบาลที่จะควบคุมให้สถานการณ์ในประเทศเป็นปกติโดยเร็ว โดยเฉพาะเรื่องวัคซีน โดยเฉพาะเมืองหน้าด่านชายแดนอย่าง จ.สุรินทร์ ก่อนที่เศรษฐกิจจะย่ำแย่ไปมากกว่านี้
นางพัชรินทร์ พลศรี อายุ 52 ปี แม่ค้าร้านโชว์ห่วย เลขที่ 83 บ.ด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ตั้งอยู่ตรงข้ามตลาดชายแดนช่องจอม กล่าวว่า ตรงนี้เป็นพื้นที่เสี่ยงติดกับประเทศเพื่อนบ้าน มีความเสี่ยงมากะ อยากให้รัฐบาลเร่งจัดสรรวัคซีนให้เร่งด่วนด้วย เพราะเป็นตลาดชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในอีสาน ใหญ่กว่า จ.บุรีรัมย์ และเป็นพื้นที่ที่ผลักดันชาวกัมพูชากลับประเทศด้วย มีความเสี่ยงมาก เพราะส่งแรงงานต่างด้าวกลับประเทศเป็นร้อยคนทุกวัน จ.บุรีรัมย์ ไม่มีความเสี่ยงเท่า จ.สุรินทร์ ไม่มีแรงางานต่างด้าวกลับประเทศผ่าน เหมือนกับที่ชายแดนช่องจอม แต่ทำไมจ.บุรีรัมย์ได้วัคซีนมากกว่าจ.สุรินทร์ ฝากถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมองเห็นความสำคัญด้วย
ขณะที่ นางศิริภา บูรณ์เจริญ อายุ 49 ปี แม่ค้าขายสินค้าโชว์ห่วย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ เพราะมีความเสี่ยงมากที่สุด เห็นว่า จ.บุรีรัมย์ได้ ทำไม จ.สุรินทร์ ไม่ได้ เป็นเมืองหน้าด่านที่มีคนเข้าออกมาก แรงงานต่างด้าวก็ถูกผลักดันที่ช่องจอมแห่งนี้เยอะ อยากให้รัฐบาลมองเห็นความสำคัญด้วย