ดีเอสไอประสานตำรวจนครดูไบช่วย 7 สาวไทยถูกหลอกไปค้ากาม พบถูกนายหน้าคนไทยชวนทำนวดแผนไทยสุดท้ายบังคับให้ขายตัวใช้หนี้ค่าเดินทาง 7 หมื่นบาท
เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)พ.ต.ท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดีการให้ความช่วยเหลือ 7 หญิงไทยที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับอิเมเรตส์ ว่า หลังจากกองคดีค้ามนุษย์ได้รับการติดต่อจากพลเมืองดีที่อาศัยอยูในนครดูไบให้ช่วยเหลือหญิงไทยอายุ 32 ปี ถูกนายหน้าชาวไทยชักชวนให้เดินทางไปทำงานนวดที่นครดูไบ เมื่อวันที่ 29 เม.ย ที่ผ่านมา ดีเอสไอจึงประสานไปยังตำรวจแผนกสอบสวนคดีอาญา (Criminal Investigation Department - CID) นครดูไบ เข้าช่วยเหลือหญิงไทยคนดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 พ.ค. และเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นสถานค้าประเวณีในห้องพักเลขที่ 210 ของอาคาร New Rolla ซึ่งใช้เป็นสถานค้าประเวณี พบว่า เจ้าของร้านเป็นกลุ่มชาวจีน และมีคนคุมร้านเป็นชายชาวเกาหลี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนครดูใบสามารถช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกลวงไปบังคับค้าประเวณีได้ 7 ราย โดยผู้เสียหายทั้งหมดถูกนายหน้าชาวไทยชักชวนให้เดินทางไปทำงานนวดที่ดูไบ เสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้ารายละ 5,000 บาท ซึ่งก่อนออกเดินทาง นายหน้าได้สั่งให้ลบข้อความสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ เละเมื่อเดินทางไปถึงนครดูไบ จะมีหญิงชาวจีนมารับที่สนามบิน และในภายหลังพบว่ามีการค้าประเวณีและได้ ถูกบังคับให้ทำงานค้าประเวณีด้วย ผู้เสียหายถูกยึดหนังสือเดินทางและถูกกักขังในห้องพักที่ใช้เป็นสถานค้าประเวณี
พ.ต.ท กรวัชร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีเจ้าของร้านค้าประเวณีเป็นกลุ่มชาวจีน จะมีชายชาวเกาหลีเป็นผู้คุมร้านตลอดตลอด 24 ชั่วโมง ผู้เสียหายจะต้องใช้หนี้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นจำนวนเงิน 7,000 ดีแรห์ม หรือประมาณ 7 หมื่นบาท หากไม่ทำงานจะถูกทุบตีทำร้ายร่างกาย สำหรับผู้เสียหายได้รับความช่วยเหลือทางเจ้าหน้าที่กองคดีการค้ามนุษย์ได้และเจ้าหน้าที่กงสุลใหญ่ในนครดูไบแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งตัวกลับไทย อย่างไรก็ตาม อยากเตือนว่า หากมีผู้ชักชวนไปทำงานร้านนวดแผนไทยในต่างประเทศ เช่น เกาหลี มาเลเซีย บาร์เรน หรือดูใบให้ระมัดระวังเพราะอาจตกเป็นเหยื่ถูกหลอกไปขายบริการทางเพศได้