สุรินทร์-เร่งติดตั้งอุปกรณ์ในโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิค 19 ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อระลอก 3 สะสม 38 ราย รวถึงปิดหมู่บ้าน แห่งหนึ่งหลังพบผู้ป่วยและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ศาลาการเปรียญวัดกลางบ้านละเอาะ ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ สถานที่ตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิค-19 เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลสุรินทร์และสาธารณสุขจังหวัด พร้อมเจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งดำเนินการทำความสะอาดและติดตั้งอุปกรณ์สนามต่างๆ ตามมาตรฐานของระบบสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิค ของจังหวัดสุรินทร์ โดยสามารถติดตั้งเตียงผู้ป่วยรองรับได้ถึง 100 เตียง
ทั้งนี้ การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเดิมกำหนดจัดตั้งที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดสุรินทร์ แต่เนื่องจากความไม่พร้อมบางประการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์จึงขอเปลี่ยนไปใช้สถานปฏิบัติธรรมวัดกลางบ้านละเอาะแทน และยังเตรียมสถานที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ที่ค่ายลูกเสือจังหวัดสุรินทร์ สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 100 เตียงเช่นเดียวกัน และเป็นสถานที่กักตัวผู้ที่มีความเสี่ยงที่เดินทางมายังจังหวัดสุรินทร์ด้วย
นอกจากนั้น คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสุรินทร์ยังได้มีคำสั่งประกาศปิดหมู่บ้าน หมู่ที่ 12 บ้านกะทะ ต.เมืองบัว อ.ชุมพลบุรี เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อภายในหมู่บ้าน และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 142 คน รวมถึงได้พิจารณาปรับเลื่อนและงดการจัดกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมบวชนาคบนหลังช้างงานใหญ่ของทางจังหวัด และขอเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดงตามที่ ศบค.ประกาศพื้นที่ควบคุมสีแดง 18 จังหวัด และดำเนินการตามมาตรการตามประกาศ ศบค.อย่างเข้มงวด
สำหรับ สถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิค 19 ระลอก 3 สะสมเดือนเมษายน จำนวน 38 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาลสุรินทร์ 14 ราย และโรงพยาบาลอำเภอตามพื้นที่ที่พบผู้ป่วย หากมีอาการป่วยหนักจึงจะส่งต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์ พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือทุกคนปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลและจังหวัดสุรินทร์และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกรณีบุคคลเสี่ยงที่ไปตรวจที่โรงพยาบาล ระหว่างรอผลการตรวจต้องกักตัวเองจนกว่าจะทราบผลว่าติดเชื้อหรือไม่ โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์จะจัดส่งข้อมูลผู้ที่ไปตรวจที่โรงพยาบาลให้อำเภอ เพื่อให้อำเภอแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.ให้กวดขันบุคคลเสี่ยงดังกล่าวให้กักตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีการแพร่กระจายเชื้อ