สมุทรปราการ-ตำรวจปากน้ำโชว์เจ๋งจับ 4 ผู้ต้องหายกเค้าบริษัทได้ชั่วข้ามคืน ได้ของกลางทรัพย์สินที่ขโมยไปเกือบ 10 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 7 เมษายน พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก. พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมือง สมุทรปราการ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุม 4 ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ (งัดตู้เซฟ) ได้เงินสดสกุลต่าง ๆ รวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาทไป พร้อมตรวจยึดของกลางเงินสดเป็นธนบัตรไทยจำนวน 3,500,000 บาท เงินสกุลไต้หวันจำนวน 1,300,000บาท เงินสกุลญี่ปุ่น จำนวน 138,900 บาท เงินสกุลสหรัฐ 1,261,200 บาท เงินสกุลจีน 538,620 บาท และเงินสกุลฮ่องกง 203,674 บาท
นอกจากนั้น ยังมีทรัพย์สินอื่น เช่น ไข่มุก และ ทองคำมูลค่ารวมประมาณ 2,300,000 บาท นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ โรเล็กซ์ จำนวน 2 เรือน มูลค่าประมาณ 200,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปจำนวน 9,287,394 บาท เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 5 เมษายน 2564 ที่ภายในบริษัท คลาสสิค โปรดักส์ (ประเทศไทย ) จำกัด เลขที่ 234,333 หมู่ 4 ถนนพุทธรักษา ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 เมษายน นายหลิน ชินโฟ อายุ 67 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท คลาสสิค โปรดักส์ (ประเทศไทย ) จำกัด แจ้งว่า มีคนร้ายเข้าก่อเหตุลักทรัพย์ภายในสำนักงานภายในบริษัทและงัดตู้เซฟ มีทรัพย์สินหลายรายการรวมมูลค่ากว่า 9,287,394 บาทหายไป หลังรับแจ้งจึงเข้าตรวจสอบก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะเร่งแกะรอยของคนร้าย มีหลักฐานภาพจากกล้องวงปิดของเทศบาลบางปูที่ติดตั้งอยู่ริมถนนพุทธรักษา ที่บันทึกภาพของคนร้ายและยานพาหนะที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุเอาไว้ได้ เป็นรถสองแถวโดยสาร สายสำโรง-พระประแดง ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน 10-5566 สมุทรปราการ
จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายได้ขับรถสองแถวคันดังกล่าวมาชะลออยู่บริเวณใกล้บริษัทที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมีคนร้ายเป็นชายจำนวน 2 คน เดินไปมาผ่านหน้าบริษัทอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งสบโอกาสชายทั้งสองได้เดินวนขึ้นสะพานลอยอยู่ติดกับต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ชิดกำแพงรั้วของบริษัท ก่อนที่คนร้ายทั้งสองจะปีนลงจากราวสะพายลอยขึ้นไปบนต้นไม้และมาปีนผ่านรั้วกำแพงโรงงานเกิดเหตุเข้าไปทำการงัดตู้เซฟภายในห้องสำนักงานภายในบริษัท ก่อนที่จะกลับออกมาทางเดิมและขึ้นรถสองแถวหลบหนีออกมาทางถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าแยกหอนาฬิกา และมาจอดส่งคนร้ายทั้งสองคนที่เข้าไปก่อเหตุลงที่บริเวณริมถนนสุขุมวิทหน้าโรงเรียนนายเรือ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้แกะรอยไปจนพบรถสองแถวจอดอยู่ที่จุดพักรถสองแถวสายดังกล่าว ได้พบนายสำรวย หรือน้อย นั่งอยู่ภายในรถจึงนำตัวมาทำการสอบสวน นายสำรวยให้การรับสารภาพว่าได้รับการชักชวนจากนายโบ้ และนายรั่ว ให้ขับรถพาไปก่อเหตุลักทรัพย์ที่บริษัทดังกล่าว ได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 25,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวนายโบ้ และนายรั่ว ได้พร้อมของกลางจำนวนหนึ่ง และติดตามไปจับกุมตัวนายไพโรจน์ หรือ โรจน์ สุขประเสริฐ ที่รับซื้อนาฬิกาทั้งสองเรือนที่ผู้ก่อเหตุทั้งสองนำไปขายให้ และจากการตรวจสอบประวัตินายโบ้ และนาย รั่ว เพึ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำได้ไม่นานในคดีลักทรัพย์ และผู้ก่อเหตุทั้งสองรู้จักกันในขณะที่ถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำ หลังพ้นโทษออกมาจึงชักชวนกันมาก่อเหตุ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นและใช้ยานพาหนะในการก่อเหตุ หรือรับของโจร ก่อนควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 4 ส่งพร้องของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป