THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

21 กุมภาพันธ์ 2564 : 16:21 น.

ลพบุรี-พช.ผนึกกำลังมูลนิธิเอ็มโอเอไทยขับเคลื่อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสร้างความมั่นคงด้านน้ำอาหารและพลังงาน พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้เข้มแข็ง สร้างความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และนายสัตยา ณ ระนอง รองประธานมูลนิธิเอ็มโอเอไทย ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจทางวิชาการ เพื่อการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่เป้าหมายความยั่งยืนโลก (Sufficiency Economy Philosophy to Sustainable Development Goals : SEP to SDGs) โดยมี นายสุวัฒน์ ชำนาญกิจ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายวชิระ เกตุพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายนิวัติ น้อยผาง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายทรงคุณ พิทยาปรีชานนท์ กรรมการมูลนิธิเอ็มโอเอไทย คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดลพบุรี คณะผู้บริหารมูลนิธิเอ็มโอเอไทย ภาคีเครือข่าย ผู้นำชุมชนและสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงเรียนวิทยาศาสตร์ชีวิตและศิลปะ มูลนิธิเอ็มโอเอไทย สาขาลพบุรี จ.ลพบุรี

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า การทำบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ MOU วันนี้เพื่อการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่เป้าหมายความยั่งยืนโลก เพื่อให้มีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นสมบัติของชาติ รวมทั้งดำเนินการอื่นใดที่จำเป็น และเกี่ยวข้องในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ของชาติต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน เป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านน้ำ อาหาร และพลังงาน ตามเป้าหมายความยั่งยืนโลก ตลอดจนสร้างความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตบุคคล พร้อมทั้งพัฒนาชุมชนน่าอยู่ทั้งจิตและกาย ด้วยการขยายชุมชนอาหารสุขภาวะและศูนย์เรียนรู้เกษตรธรรมชาติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน และมูลนิธิเอ็มโอเอไทย มีอุดมการณ์และมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน คือการทำให้พี่น้องมีความสุขและมีความมั่นคงแบบยั่งยืน โดยการยึดหลักพึ่งพาตนเองและหลักการของการเคารพธรรมชาติให้ดำรงชีวิตโดยการไม่เบียดเบียนธรรมชาติในการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร สิ่งที่สำคัญที่สุดผมดีใจที่จะได้คนที่เป็นเหมือนบัวพ้นน้ำของมูลนิธิเอ็มโอเอไทย ไปช่วยเหลือในการขับเคลื่อนงานสร้างความมั่นคงด้านอาหารและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ โดยมีพี่น้องของกรมการพัฒนาชุมชนเป็นเหมือนโซ่ข้อกลางนำเอาความช่วยเหลือของมูลนิธิเอ็มโอเอไทย ไปสู่ท่านผู้นำในแต่ละจังหวัดแต่ละอำเภอ ตำบล และครัวเรือนต่อไป

ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชนได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สืบสาน รักษา และต่อยอด แนวพระราชดำริของ ร.9 เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่มหาชนประชาราษฎร์และเกิดสุขแก่พี่น้องประชาชน ฉะนั้นขอให้มีความเชื่อ มีทัศนคติเหมือนกันว่ ามนุษยชาติเราต้องพึ่งพาตนเอง โดยเคารพธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่นำสารพิษเข้ามาสู่ร่างกายทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่นทางตรงทั้งที่ยังกินเหล้าและสูบบุหรี่ขอให้เลิก ทางอ้อมคือ เราปลูกพืชผักผลไม้ฉีดยาฆ่าแมลงเต็มไปหมดแล้วนำมารับประทานก็เหมือนเอาสารพิษมาสู่ร่างกายเพราะฉะนั้นในส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือเราจะจับมือไปด้วยกันเราต้องคิดและต้องเชื่อร่วมกันซึ่ง มูลนิธิเอ็มโอเอไทย กับ กรมการพัฒนาชุมชน มีแนวคิดเหมือนกัน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กรมการพัฒนาชุมชน พยายามที่จะน้อมนำแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการที่จะทำให้พี่น้องประชาชนปลูกพืชผักสวนครัวสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยไม่ใช้ปุ๋ย ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงไม่ใช้ปุ๋ยเคมี

"เมื่อลงนามเสร็จแล้วสิ่งที่สำคัญคือ แนวทางการขับเคลื่อนได้ขอให้ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนทั้ง 11 แห่ง น้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การน้อมนำพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ครอบคลุมทั้ง 11 แห่ง อาทิ เช่น ขณะนี้มีแปลงสาธิตที่ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก ขนาดพื้นที่ 30 ตารางวา ชื่อว่า “บ้านพอเพียง 30 ตารางวา” คือหมายความว่ามีพื้นที่ 30 ตารางวา สามารถปลูกพืชผักกินได้ตลอด รวมทั้งมีไข่ไก่ ไข่เป็ด ซึ่งเป็นฐานเรียนรู้ แต่ต้องทำให้เกิดขึ้น บวกกับเรื่องของการน้อมนำเอาหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นาโมเดล” นายสุทธิพงษ์กล่าว

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ