ผู้ปกครองขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีผอ.โรงเรียนฉาวเล่นเซ็กโฟนกับเด็กหญิงม.2 กำลังถูกแชร์ว่อนโลกโซเชียล ศึกษาธิการจังหวัดเผยต้นสังกัดสั่งย้ายแล้วจ่อดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด
เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ผู้ปกครองของนักเรียนหญิงชั้นม.2 อายุ 14 ปี ของโรงเรียนขยายโอกาสแห่งหนึ่งใน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.หญิงสุกฤตา ใจห้าว พนักงานสอบสวน สภ.ขนอม เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ผอ.โรงเรียนกระทำการไม่เหมาะสมกับนักเรียน โดยมอบหลักฐานเป็นวีดีโอที่ ผอ.โรงเรียนเซ็กคอลกับนักเรียน โดยผอ.แสดงพฤติกรรมกำลังมีอารมณ์ทางเพศ ในขณะที่เด็กหญิงกำลังเปลือยกาย โดยคลิปดังกล่าวมีการส่งต่อกันในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวางในพื้นที่
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้แล้ว และจะได้เตรียมประสานกับผู้เชี่ยวชาญสหวิชาชีพ ซึ่งประกอบด้วยพนักงานอัยการ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และพนักงานสวน รวมทั้งผู้ที่เด็กที่ไว้วางใจเข้ามาร่วมสอบสวนเด็กตามขั้นตอนของกระบวนการกฏหมาย เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
ผู้ปกครองของเด็กหญิงได้ร้องขอผู้สื่อข่าวว่า อย่าบันทึกภาพของผู้ปกครองที่เดินทางเข้าแจ้งความ รวมทั้งภาพของเด็กหญิงออกไปเผยแพร่ เนื่องจากขณะนี้เด็กหญิงสภาพจิตใจบอบช้ำอย่างมาก ถึงขั้นพยายามคิดจะฆ่าตัวตาย ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด โดยกล่าวว่า เด็กพลาดไปแล้วเพราะอ่อนต่อโลก จึงถูกล่อลวงด้วยการให้เงิน
ด้าน นายเจียร ทองนุ่น ศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าาว่า จะมีการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนทางวินัย ทราบว่าได้มีการสั่งย้าย ผอ.รายนี้ออกนอกพื้นที่แล้ว เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน
ขณะที่ ผู้ใกล้ชิดครอบครัวของเด็กหญิงเปิดเผยว่า พฤติกรรมของ ผอ.รายนี้จะเรียกใช้เด็กหญิงอยู่เป็นประจำ ให้เข้าไปในห้องส่วนตัวในโรงเรียนซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติอยู่แล้ว ขณะที่เด็กเป็นนักกีฬา หน้าตาดี โดดเด่นในโรงเรียน เท่าที่ดูจากลักษณะการสื่อสารภายในคลิป ผอ.ต้องมีความสัมพันธ์กับเด็กที่ลึกซึ้งมากไม่เช่นนั้นคงไม่แสดงออกได้ขนาดนี้ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า มีครูอีกรายในโรงเรียนเป็นผู้ที่คอยรับส่งเด็กหญิงให้กับ ผอ.ด้วย
นอกจากนั้นทราบมาว่า ก่อนหน้านี้ในงานศพของมารดาผอ.เด็กคนนี้ถึงขั้นเก็บผ้าไปช่วยงานอยู่บ้านผอ.ถึง 7 วัน แต่หลังจากคลิปได้ถูกเผยแพร่อย่างต่อเนื่องได้สร้างความบอบช้ำให้กับครอบครัวอย่างรุนแรง ทางครอบครัวจึงต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนเด็กหญิงออกจากโรงเรียนแห่งนี้ไปเรียนที่อื่นเมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว