นครราชสีมา-องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเด้งครับนโยบายรมว.มหาดไทยให้อปท.ชะลอเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุลดผลกระทบประชาชนในช่วงโควิด-19

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายสุวโรจน์ คงสงวนวงษ์ ปลัดเทศบาลตำบลจอหอ รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีตำบลจอหอ เปิดเผยว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้มีนโยบายไปยังองค์กรปกกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ทั้ง 7,850 แห่งทั่วประเทศไปเจรจากับผู้สูงอายุ หรือพิจารณาชะลอการดำเนินการเรียกเงินคืนออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางเทศบาลตำบลจอหอ ก็เตรียมที่จะลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับผู้สูงอายุที่ถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืนย้อนหลัง

ทั้งนี้ ในพื้นที่ ต.จอหอมีผู้สูงอายุที่ถูกเรียกเงินคืนย้อนหลังทั้งหมดจำนวน 13 ราย โดยแยกออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 มีจำนวน 6 ราย ซึ่งมีการทำสัญญารับสภาพหนี้ และทำการผ่อนชำระหนี้คืนมาแล้วจนเหลืออยู่เพียง 2 งวดสุดท้าย กลุ่มที่ 2 มีจำนวน 3 ราย ที่มาละเบียนรับเบี้ยยังชีพแล้ว แต่มาทราบภายหลังว่าตนเองไม่มีสิทธิ์รับ จึงขอสละสิทธิ์ไม่รับเงินเบี้ยยังชีพตั้งแต่แรก และกลุ่มที่ 3 มีจำนวน 4 ราย ซึ่งไม่ประสงค์จะทำสัญญารับสภาพหนี้ และขอให้เทศบาลฯ ส่งฟ้องศาลแขวงนครราชสีมา

นายสุวโรจน์ฯ กล่าว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทางนายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.)ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้จังหวัดแจ้งมาถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง พิจารณาดำเนินการ 2 ข้อ คือ 1.ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนผู้สูงอายุว่าทุกฝ่ายอยู่ระหว่างการหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ 2.กรณีที่ยังไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมาย ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชะลอดำเนินคดีไว้ก่อน ซึ่งตนก็จะได้ลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้สูงอายุที่ได้รับความเดือดร้อน โดยผู้สูงอายุ 6 รายที่ผ่อนชำระเงินเบี้ยยังชีพ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เหลืออยู่เพียงแค่ 2 งวดเท่านั้น มีกำหนดชำระในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ ก็อาจะต้องรอฟังความชัดเจนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก่อนว่า ถ้าชะลอการผ่อนชำระไว้ก่อน จะผิดสัญญาที่ทำไว้หรือไม่ ถ้าไม่ผิดสัญญาทางเทศบาลตำบลจอหอ ก็พร้อมที่จะชะลอออกไป ส่วนอีก 4 รายที่ส่งฟ้องศาลไปแล้วนั้น ก็ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร อยู่นอกเหนือจากอำนาจของเทศบาลตำบลจอหอ ทั้งนี้ทางเทศบาลตำบลจอหอ ยืนยันว่าจะดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุได้รับความเดือดร้อน ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยต่อไป