ตาก-เจออีกรายชายชาวเมียนมาอายุ 70 ปีติดเชื้อโควิด-19 แต่ปิดบังประวัติมารู้ความจริงตอนอาการโคม่าทำเอาปั่นป่วนทั้งรพ.แม่สอด ต้องส่งตังบุคลากรทางการแพทย์และทีมกู้ชีพ 13 รายตรวจจ้าละหวั่น
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ทีมสอบสวนโรคสาธารณสุข อ.แม่สอด จ.ตาก รายงานว่า พบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นรายที่สองของอ.แม่สอด เป็นคนไทยพลัดถิ่น สัญชาติเมียนมา อายุ 70 ปี พักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา หมู่ที่ 7 บ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ซึ่งผู้ป่วยได้ถูกส่งตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอดด้วยอาการโคมา
จากรายงานการสอบสวนโรคทราบว่า ช่วงที่ญาติของผู้ป่วยแจ้งร้องขอให้ทีมกู้ชีพของโรงพยาบาลเอกชนในแม่สอดไปรับตัวเพื่อมาตรวจรักษาอาการป่วย แต่ทางญาติผู้ป่วยรายนี้ให้ข้อมูลปกปิดข้อเท็จจริง โดยอ้างว่าไม่เคยข้ามแนวชายแดนและไม่มีประวัติเสี่ยงมีอาการตามโรคชราหายใจเหนื่อยหอบเพียงเท่านั้น ทีมกู้ชีพทีมแรกหลงเชื่อขณะเข้าไปรับตัวผู้ป่วยสวมเพียงหน้ากากอนามัย-เฟสชิว และถุงมือตามปกติเท่านั้น โดยไม่ได้สวมชุดป้องกันโควิด หรือชุด PPE ต่อมาทีมกู้ชีพได้นำตัวผู้ป่วยติดเชื้อรายนี้ขึ้นรถกู้ชีพออกเดินทางจากบ้านผู้ป่วยที่อยู่แนวชายแดนแม่สอดจะไปส่งโรงพยาบาล ระหว่างทางผู้ป่วยเกิดอาการทรุดลงทางทีมกู้ชีพ รพ.เอกชน จึงต้องประสานขอส่งตัวผู้ป่วยไปที่รพ.แม่สอด
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ป่วยถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินรพ.แม่สอดด้วยอาการโคมาต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ทางแพทย์จึงส่งตัวผู้ป่วยรายนี้ไปตรวจเอกซเรย์ปอด-ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามขั้นตอน และเกิดความวุ่นวายในรพ.แม่สอดโดยทันทีเนื่องจากพบว่าผู้ป่วยวัย 70 ปีรายนี้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างหนัก หลังเกิดเหตุผู้ป่วยและญาติให้ข้อมูลเท็จก็ส่งผลทำให้ทั้งทีมกู้ชีพของโรงพยาบาลเอกชนและบุคลากรทางการแพทย์ของรพ.แม่สอดรวม 13 ราย ต้องถูกสั่งกักตัว พร้อมส่งไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ขณะนี้ยังรอผลการตรวจอย่างเป็นทางการอย่างลุ้นระทึก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ชายแดนแม่สอดแล้ว 2 ราย รายแรกเป็นชายชาวเมียนมา อายุ 43 ปี พักอาศัยอยู่ในแม่สอด ประกอบอาชีพค้ารถยนต์มือสอง และประกอบกิจการขนส่งระหว่างประเทศ ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากเดินทางไปตรวจสุขภาพที่รพ.แม่สอดเพื่อขอใบรับรองแพทย์เพื่อจะเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ส่วนผู้ป่วยรายที่สองเป็นชายวัย 70 ปีคนดังกล่าวที่พบล่าสึด สร้างความตกใจแก่ชาวบ้านในพื้นที่แนวชายแดนอย่างมากหลังในพื้นที่ไม่พบผู้ป่วยมานาน
ล่าสุด ขณะนี้ทุกภาคส่วนราชการและอาสาสมัครทุกหน่วยงานในทุกพื้นที่ 5 อำเภอแนวชายแดนจ.ตาก กำลังปูพรมเพื่อตรวจสอบและค้นหากลุ่มเสี่ยงพร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นผู้ลักลอบข้ามแนวชายแดนจ.ตากตลอด 24 ชั่วโมง