เชียงใหม่-ตำรวจ 191 ขึ้นเหนือบุกจับแก๊งญี่ปุ่น-ไทยลักลอบปลูกกัญชาออร์แกนิกพรีเมี่ยมไฮโดรโปนิกส์ลักลอบขายทางทวิตเตอร์
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) หรือ 191 สั่งการให้ พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บุกจับกุม นายคัทซูฮิซ่า อายุ 41 ปี ชาวญี่ปุ่น นายประสิทธิ์ อายุ 40 ปี นายชุมแพ อายุ 30 ปี นายมิดาวอายุ 47 ปี และ นายพิเชฎฐ์ อายุ 18 ปี พร้อมของกลางดอกกัญชาตากแห้ง น้ําหนักรวมหีบห่อ 13.8 กรัม ,ต้นกัญชาจํานวน 407 ต้น ดอกกัญชาบรรจุในขวดโหล จํานวน 70 ขวด,ดอกกัญชาตากแห้ง บรรจุในถุงพลาสติกจํานวน 15 ถุง น้ําหนัก 1.1 กิโลกรัม ,ยางกัญชา 4 กระปุก ,ยางกัญชา ชนิดแผ่น จํานวน 27 แผ่น,เมล็ดพันธุ์กัญชา 100 เม็ดและเครื่องสกัดน้ํามันกัญชา จํานวน 3 เครื่อง โดยจับกุมได้ภายในห้องพักบ้านเลขที่ 227/391 หมู่บ้านวังตาล หมู่ 3 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่, ต่อเนื่องภายในอาคารพาณิชย์เลขท่ี 257/226 หมู่บ้านเวียงทอง 3 ถนนมหิดล ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
พล.ต.ต.สมบูรณ์ กล่าวว่า บช.น.สั่งการให้ปราบปรามปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นนโยบายหลักและนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยให้ความสำคัญกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งทางบก.สปพ. ได้ให้ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนตามเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ว่านายคัทซูฮิซ่ามีพฤติกรรมลักลอบปลูกและจําหน่ายกัญชาคุณภาพสูงแบบไฮโดรโปนิกส์ และผลิตภัณฑ์ที่สกัดได้จากกัญชา ก่อนนำมาจําหน่ายผ่าน แอพพลิเคชั่น twitter ส่งออกให้กับกลุ่มชาวต่างชาติประเทศญี่ปุ่นและคนไทย จึงรวบรวมพยานหลักฐานต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่เพื่อขออนุมัติหมายค้น ห้องพักบ้านเลขที่ 227/391 หมู่บ้านวัง ตาล หมู่ 3 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และ อาคารพาณิชย์เลขที่ 257/226 หมู่บ้านเวียง ทอง 3 ถนนมหิดล ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ กระทั่งจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้พร้อมของกลางทั้งหมด
ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนนายคัทซูฮิซ่า ให้การว่า เดินทางเข้ามาประเทศไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ก่อนช่วงโควิด -19 ระบาด พร้อมนำเงินมาลงทุน 2 ล้านบาทเพื่อทำธุรกิจเพาะพันธุ์กัญชาออแกนิคสกัดผลิตภัณฑ์ที่สกัดได้จากกัญชา โดยเช่าบ้านหลังดังกล่าวตั้งแต่เดือนส.ค.ในราคา 2 หมื่นบาท เพื่อใช้เป็นสถานที่เพาะพันธุ์กัญชา และจ้างคนไทย 4 คนเพื่อดูแลและส่งให้กับลูกค้าที่สนใจโดยอ้างว่า ได้รับการอนุญาตให้ปลูกและผลิต ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งกัญชาออแกนิคจะมีราคาสูงกว่ากัญชาทั่วไปตามท้องตลาด และหากรอดพ้นจากการจับกุมจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 4 แสนบาทต่อเดือน เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกัน ผลิต ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) และ ครอบครองยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 (กัญชา) เพื่อจําหน่ายหน่าย โดยผิดกฎหมาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฏหมาย” ก่อนนําส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป