ภูเก็ต-ผู้ประกอบการชี้อุตสาหกรรมโรงแรมในภูเก็ตกำลังถึงจุดแตกหัก จี้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือเพื่อให้อยู่รอดในช่วงไฮซีซั่นก่อนจะเสียหายอย่างหนัก
เมื่อวันที่ 9 ก.ย.สมาคมโรงแรมภูเก็ต (Phuket Hotels Association – PHA) ร่วมกับ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส (C9 Hotelworks) เปิดผลสำรวจหลังโควิด-19 ป่วน และ"ภูเก็ตโมเดล"ชะงักว่า ขณะนี้ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวภูเก็ตกำลังเข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจของภูเก็ตโดย 69% ของโรงแรมในขณะนี้ถูกชะลอหรือถูกระงับ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ ณ สิ้นปี 2562 มีสถานประกอบการที่พักที่ได้รับใบอนุญาต 1,758 แห่งบนเกาะ และโครงการที่เข้ามาในปัจจุบันอยู่ที่โรงแรม 58 แห่ง คิดเป็นอุปทานที่เพิ่มขึ้น 19% โดยมีการวางแผนห้องพักเพิ่มเติม 16,476 ห้อง
ทั้งนี้ ข้อมูลจากท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ก็แสดงให้เห็นว่า ผู้โดยสารขาเข้ามีจำนวนลดลงถึง 65% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมของปีนี้ นอกจากนั้น สิ่งที่ชัดเจนคือห้องพัก 86,000 ห้องในสถานประกอบการที่พักที่จดทะเบียนในภูเก็ตไม่สามารถคุ้มทุนได้จริง หรือแม้กระทั่งรักษากระแสเงินสดให้เป็นบวกต่อนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเท่านั้น (Domestic Tourism) ดังนั้น หากไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาล หรือไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา จะสร้างความสูญเสียอย่างมาก รวมถึงจะมีการว่างงานถึง 50,000 ตำแหน่งในภาคโรงแรมในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีเปิดตัวโครงการการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ “ภูเก็ตโมเดล” (Phuket Model) แต่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ รวมถึงโปรแกรม Alternative Local State Quarantine (ALSQ) ซึ่งมีโรงแรมมากกว่า 60 ในภูเก็ตที่ผ่านเกณฑ์ แต่เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงไปยังภูเก็ต รัฐบาลจึงต้องการการสนับสนุนที่กว้างขึ้นในการเดินทางของนักเดินทางระหว่างประเทศ และต้องใช้เวลายื่นเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงอาจนานหลายเดือน
แอนโทนี ลาร์ค ประธานสมาคมโรงแรมภูเก็ต กล่าวว่า ตัวเลขการเข้าพัก (Occupancy) โรงแรมในภูเก็ตตอนนี้เป็นเลขหลักเดียว อุปสงค์การท่องเที่ยวภายในประเทศไม่มากพอที่จะสามารถป้องกันการสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้วิกฤตการณ์ทางการเงินของเจ้าของและผู้ประกอบการลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เราจึงขอสนับสนุนการเปิดเมือง (Reopening) ที่ปลอดภัย ปฏิบัติได้จริง และมีกลยุทธ์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ประการแรก ต้องมีการเจรจาเชิงรุกระหว่างภาครัฐและเอกชนมากขึ้น ต้องดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ประการที่สอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (BoT) ต้องพิจารณามาตรการเงินกู้ระยะสั้นเพื่อช่วยเหลือโรงแรมในการดำเนินงานเพื่อรับมือกับพายุเศรษฐกิจและรักษาตำแหน่งงานในภาคธุรกิจ เพราะหากปราศจากการปกป้องและดูแลพนักงานก็จะไม่มีการฟื้นตัวเช่นกัน
ขณะที่ บิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส กล่าวว่า ความล้มเหลวของประเทศไทยในการเปิดตัว “ภูเก็ตโมเดล” ทำให้เกิดสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมการบริการของภูเก็ต ผลกระทบแบบโดมิโนไม่เพียงแต่กับโรงแรมและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวเท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อการพัฒนา สิ่งนี้จะก่อให้เกิดการพังทลายของงานในการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ การค้าปลีก และในที่สุดก็จะปรากฏในลำดับชั้นของผู้บริโภค สถานการณ์มีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลง เนื่องจากโรงแรมที่ดำเนินกิจการยังคงต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น แผนการเปิดเมือง (Reopening) ไม่เพียงแต่จะต้องมีการวางแผนอย่างดี แต่ต้องเอาชนะใจคนไทยให้ได้ว่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ ในขณะที่เกาะนี้อาจถือเป็นกุญแจสำคัญของไทยในการฟื้นฟูการท่องเที่ยว แต่ประเด็นที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ การที่โรงแรมจะต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเขาในสภาพปัจจุบันจะทำได้อย่างไร
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมและการท่องเที่ยวในภูเก็ตเห็นว่า สถานการณ์ของโรงแรมในภูเก็ตยังคงมีการโต้เถียงกันอย่างมาก และการขาดความเห็นพ้องต้องกันในระดับชาติและระดับท้องถิ่นเกี่ยวกับโปรแกรม “Safe and Sealed” (การพักระยะยาวที่ปลอดภัย) ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกคำเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างหนัก ส่งผลให้ช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึงของภูเก็ตยังคงมีความท้าทายอยู่มาก