THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

07 กรกฎาคม 2563 : 20:51 น.

"สะพานมอญ"แลนด์มาร์คสำคัญดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศให้หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวสังขละบุรี เมืองชายแดนที่เงียบสงบแห่งนี้ "เด็กปะแป้ง-เด็กขายดอกไม้" ยุวฑูตตัวน้อยอีกหนึ่งเสน่ห์ชวนให้อยากมาเที่ยว

โดย....ปิยรัชต์ จงเจริญ

////////////////////////////

"สะพานมอญ"แลนด์มาร์คสำคัญดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศให้หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวสังขละบุรี เมืองชายแดนที่เงียบสงบแห่งนี้ "เด็กปะแป้ง-เด็กขายดอกไม้" ยุวฑูตตัวน้อยอีกหนึ่งเสน่ห์ชวนให้อยากมาเที่ยว  เมื่อวันที่ 7 ก.ค.บริเวณสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือ สะพานมอญ แลนด์มาร์คสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ ให้เดินทางหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวสังขละบุรี เมืองชายแดนที่เงียบสงบแห่งนี้ ซึ่งเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่อยู่คู่สะพานมอญแห่งนี้ คือเด็กๆ ที่คอยส่งเสียงเจื้อยแจ้ว เพื่อชักชวนให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ทาแป้งทานาคาบ้าง อุดหนุนดอกไม้สำหรับบูชาพระบ้าง หรือกระทั่งคอยเป็นมัคคุเทศก์ตัวน้อย ที่คอยบอกเล่าเรื่องราว ประวัติการก่อสร้างและการซ่อมแซม สะพานฯ แห่งนี้บ้าง รวมไปถึงประวัติของชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ อ.สังขละบุรี และคอยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้

ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยแป้งทานาคา ริมฝีปากแดงสด โดยมีรอยยิ้มใสไร้เดียงสา ส่งเสียงทักทายและเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาทาแป้ง “ปะแป้งทานาคาไหมคะ ช่วยกันแดด ป้องกันริ้วรอย แล้วแต่จะให้ ถ่ายรูปกับหนูก็ได้นะคะ แล้วแต่จะให้ ไม่ให้ก็ได้นะคะ” เสียงใสๆ บวกรอยยิ้มที่น่ารัก แน่นอนใครจะปฏิเสธการเชื้อเชิญได้

น้องเล็ก มัคคุเทศก์ รุ่นบุกเบิกบนสะพานแห่งนี้ เล่าให้ฟังว่า นอกจากการเทินโถข้าวบนหัว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป เก็บไว้เป็นที่ระลึกแล้ว บางครั้งเธอยังช่วยเล่าประวัติสะพาน และคอยตอบคำถามให้นักท่องเที่ยวเมื่อเขาต้องการคำตอบ โดยก่อนจะมาเป็นมัคคุเทศก์น้อย เธอต้องผ่านการฝึกและอบรม จากทางเทศบาลวังกะ เพื่อให้รู้รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ อ.สังขละบุรี รวมไปถึงต้องศึกษาประวัติการก่อสร้างและการซ่อมแซมสะพาน จากเอกสารที่เทศบาลฯ แจกเสียก่อน

ขณะที่ น้องดาว มัคคุเทศก์ตัวน้อยอีกคน เล่าว่า ปัจจุบันบนสะพานมอญแห่งนี้ มีเด็กๆ วัยสดใสมาทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์น้อยประมาณ 30-40 คน โดยเด็กๆ จะมีจำนวนมากในช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายๆ วัน ส่วนวันปกติจำนวนเด็กที่มาก็จะลดน้อยลง เด็กจะเริ่มมาทำหน้าที่ประมาณ 06.00-10.00 น. เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวสะพาน ก่อนจะกลับไปพักผ่อนและทำกิจกรรมของตนเองกับครอบครัว และจะกลับมาสะพานฯ อีกครั้งในช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 16.00-18.00 น. หากเป็นวันธรรมดาที่ต้องไปเรียนก็จะเดินทางกลับบ้านให้เร็วขึ้นเพื่อไปโรงเรียน โดยรายได้แต่ละคนได้รับจากนักท่องเที่ยวอยู่ตั้งแต่วันละ 100-300 บาท ในวันปกติ หากเป็นวันหยุดเทศกาลรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นไปจนถึง 500-600 บาท ต่อวัน

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยอมรับตรงกันว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นแรงดึงดูดให้ต้องเดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร เพื่อมาให้ถึงสังขละบุรีแห่งนี้ก็คือ สะพานมอญ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ก็คงเป็นความน่ารักของเด็กๆ ในชุดพื้นเมือง ที่พบเจอในสื่อโซเชียลต่างๆ เช่น Facebook Line YouTube ทำให้ตัดสินใจมาท่องเที่ยวที่นี่ในช่วงที่เป็นวันหยุด พร้อมขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยมา ให้ลองมาสัมผัสบรรยากาศของที่นี่ดูสักครั้ง รับรองเมื่อทุกคนมาแล้วพบเจอรอยยิ้มของผู้คน ธรรมชาติที่สวยงาม ท่ามกลางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เชื่อว่าจะหลงรักสังขละบุรี เมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบแห่งนี้อย่างแน่นอน

กระแสความนิยมของนักท่องเที่ยว ที่ให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.สังขละบุรี เพิ่มมากขึ้นทุกวัน การป้องกันเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่เอง ยังคงให้ความเข้มงวด โดยทุกวันฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ อส.ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ตชด.134 สังขละบุรี สภ.สังขละบุรี และเจ้าของรีสอร์ทพรไพลิน ริเวอร์ไซต์ มาช่วยประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้นักท่องเที่ยวสวมหน้ากากอนามัยในการมาเที่ยวสังขละบุรี

พร้อมทั้งบางครั้งมีการนำหน้ากากอนามัยมามอบให้นักท่องเที่ยวที่ไม่มี โดยตั้งกฎเหล็กไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวท่านที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย เดินผ่านเข้าไปเที่ยวบนสะพานฯ โดย จ.อ.ท.กิตตินันท์ แสงจันทร์ ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอสังขละบุรี ฝากถึงนักท่องเที่ยวด้วยว่า ท่องเที่ยวสุขใจ ใส่ใจสุขภาพ สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและบุคคลรอบข้าง

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ