ลูกสาว“ลุงสมพร คนสอนลิง”โรงเรียนลิงสุราษฎร์ชื่อดังระบุต่างชาติไม่เข้าใจวิถีชาวสวนมะพร้าวที่ใช้ลิงเก็บย้นรักเหมือนลูก ด้านเกษตรกรเชื่อเป็นการตอบโต้ทางการค้าที่รัฐบาลไทยแบนสารเคมีอันตราย 3 ชนิดที่ใช้ยาปราบศัตรูพืช
กรณีเว็บไซต์บีบีซี.รายงานระบุว่า ซุปเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรสินค้าชั้นนำในอังกฤษสั่งเก็บผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูป น้ำมะพร้าว น้ำมันมะพร้าว หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับมะพร้าวอื่นๆ ที่มาจากประเทศไทย เนื่องจากกลุ่มองค์กรพิทักษ์สัตว์ หรือ พีต้า มองว่า เป็นผลิตภัณฑ์มาจากการใช้แรงงานลิงปีนเก็บมะพร้าว
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. น.ส.สมใจ แซ่โค้ว เจ้าของวิทยาลัยฝึกลิงเพื่อการเกษตร ต.ทุ่งกง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี บุตรสาวนายสมพร แซ่โค้ว อดีตผู้ก่อตั้งโรงเรียนฝึกลิงแห่งแรกของประเทศไทยร่วม 30 ปี เจ้าของฉายา “ลุงสมพร คนสอนลิง ” เปิดเผยว่า การจับลิงป่ามาใช้งานไม่มีแล้ว ปัจจุบันเป็นการเพาะเลี้ยงลิงขึ้นมา กรณีถูกระบุว่าใช้ขึ้นเก็บมะพร้าววันละ 1,000 ลูกไม่เป็นความจริง ไม่ได้เก็บทุกวันขึ้นอยู่กับความสามารถของลิงแต่ละตัว ส่วนใหญ่จะเป็นลิงเพศผู้และเป็นบางช่วงที่มะพร้าวออกผลดกเท่านั้น หากช่วงมะพร้าวราคาไม่ดีก็ปล่อยไว้ไม่ได้เก็บทิ้งไว้ 2- 3 เดือน ขณะนี้ค่าจ้างเก็บมะพร้าวทั้งคนดูแลและลิงเฉลี่ยลูกละ 2 บาท ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีก็ไม่ได้มีงาน
น.ส.สมใจ กล่าวว่า หากไม่ได้ทำอาชีพเกี่ยวกับมะพร้าวคงไม่เข้าใจ ซึ่งต่างประเทศอาจจะไม่เข้าใจวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เนื่องจากการใช้คนขึ้นเก็บมะพร้าวมีความเสี่ยงอันตรายสูงถึงแก่เสียชีวิตและสรีระของมนุษย์ไม่เหมาะสมในการขึ้นปีนต้นมะพร้าว การนำลิงมาทำงานต้องมีการฝึกสอนและดูแลเลี้ยงดูเสมือนกับบุคคลในครอบครัว ไม่ได้ทรมาน ทั้งความเป็นอยู่อาหารการกินและการรักษาเมื่อเจ็บป่วยเป็นการทดแทนให้เขาอยู่แบบมีความสุข บางครอบครัวคนในบ้านกินอะไรลิงก็ได้กินในสิ่งเดียวกัน
“เชื่อว่าต่างประเทศคงไม่เข้าใจจริงๆ การสั่งแบนแม้กระทั่งน้ำมะพร้าวก็ไม่ถูกต้อง เพราะน้ำมะพร้าวน้ำหอมที่มีมากในภาคกลางไม่ได้ใช้ลิงเก็บเลย ต้นไม่ได้สูงใช้ไม้สอยเท่านั้น การล่ามลิงไม่ได้เป็นการทรมานสัตว์ให้เขาอยู่ตามต้นไม้ที่มีของกินหรือมีบ้านให้เขา และไม่ได้ลามทุกตัวบางตัวก็ปล่อยให้อยู่เอง โดยที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมให้เขาทั้งการเรียนหนังสือและทำงาน เพราะถ้าเขาไม่มีความสุขก็ทำงานไม่ได้ ” น.ส.สมใจ กล่าว
ด้าน นายเชาวลิต ชูเสน่ห์ อดีตกำนัน ต.บางใบไม้ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ผู้ประกอบอาชีพรับจ้างลิงเก็บมะพร้าว กล่าวว่า ในความเป็นจริงน้ำกะทิไม่ได้เกี่ยวข้องกับลิงเพียงอย่างเดียว ซึ่งการประกอบอาชีพแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกันอย่างเช่นที่ อ.เกาะ สมุย เดิมเคยใช้ไม้ไผ่เป็นไม้สอยลูกมะพร้าวแต่ปัจจุบันไม้ไผ่หายากมากขึ้น เนื่องจากหมดไปจากป่าด้วยจากสาเหตุอื่นๆ จึงต้องหันมาใช้ลิงแทน และการใช้ไม้ไผ่ลำยาวเพื่อสอยมะพร้าวเป็นการยากในขนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ หากเป็นลิงสามารถนำขึ้นรถไปได้ทั้งจักรยานยนต์และรถยนต์โดยไม่รบกวนผู้อื่น
“ สำหรับลิงที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเกิดจากการผสมพันธุ์จากลิงเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ อีกทั้งไม่ได้มีการทรมานลิงแต่อย่างใด โดยมีการดูแลอย่างดีตื่นเช้ามาก็จะมีข้าว นม ผลไม้และของกินเล่นอื่นๆให้ลิงกิน รวมถึงมื้อกลางวันและมื้อเย็นก็ไม่เคยขาดอาหาร รักเขาเหมือนลูกในครอบครัวให้เขาอยู่อย่างมีความสุข ส่วนตัวมองว่าการเอาลิงมาอ้างในเรื่องน้ำกะทิไม่ได้ เพราะลิงไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงงานผลิตน้ำกะทิ เราใช้ลิงเพียงแค่ขึ้นมะพร้าวเท่านั้น ปัจจุบันหาคนขึ้นไม่ได้อีกทั้งยังเป็นอันตรายกับมนุษย์ หากพลาดตกลงมาถึงกลับต้องเสียชีวิตไปแล้วหลายราย ” นายเชาวลิต กล่าว
ขณะที่ นายสุมาตร อินทรมณี ประธานศูนย์เรียนรู้เพิ่มผลผลิตการเกษตร อ.เมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นการตอบโต้ทางการค้าที่รัฐบาลไทยแบนสารเคมีอันตราย 3 ชนิดที่ใช้ยาปราบศัตรูพืช ซึ่งพบว่ามีความพยายามหาข้ออ้างกีดกันสินค้าทางการเกษตรในหลายชนิดของไทย จริงๆแล้วเราไม่ควรวิตกกังวลให้มากจนเกินไป เพราะปัจจุบันมะพร้าวที่มีการเพาะปลูกในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค
“ สินค้ากะทิสำเร็จรูปที่มีการส่งออกไปยังต่างประเทศส่วนหนึ่งเป็นมะพร้าวที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ จึงอยากให้รัฐบาลให้ความสนใจกลับมาส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำกะทิ และมะพร้าวภายในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวอีกทางหนึ่ง ส่วนผู้ประกอบการผลิตกะทิสำเร็จรูปอาจมีผลกระทบบ้างและจะต้องยอมรับส่วนนี้ ที่สำคัญรัฐบาลจะต้องมีมาตรการเด็ดขาดในการป้องกันการลักลอบนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศเพื่อเป็นการป้องกันมะพร้าวล้นตลาด ” นายสุมาตร กล่าว
ภาพจากเว็ปไซค์ First Monkey School