กองปราบบุกจับเจ้าอาวาสวัดดังเมืองกาญจน์กำลังเล่นชู้เมียชาวบ้านคากุฎิ จำนนด้วยหลักฐานยอมสึกทันที
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5บก.ป. พ.ต.ต.เกริก เสนาะสำเนียง สว.กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยนายสหัส บรรจงเมือง นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ สำนักงานพระพุทธศาสนา นำกำลังเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเรื่องร้องเรียนพระสรรเสริญ หรือนายสรรเสริญ กระต่ายทอง อายุ 41 ปี เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน ต.หนองบัว อ.เมืองจ.กาญจนบุรี มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม มีการลอบนำสีกาเข้ามามีเพศสัมพันธ์ภายในกุฎิวัดอันผิดวินัยสงฆ์
สำหรับ เรื่องร้องเรียนดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเดือนส.ค.62 เรื่องเกิดขึ้นจากพระสรรเสริญ ได้ไปเจอนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ที่วัดแห่งหนึ่งในอ.บางแพ จ.ราชบุรี จากนั้นก็มีการสนทนาจนถูกคอกัน พระสรรเสริญจึงเชื้อเชิญให้นางเอไปทำบุญที่วัดที่ตนเป็นเจ้าอาวาสบ้าง นางเอก็เลยเดินทางไปตามคำเชื้อเชิญ แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางเอก็เดินทางไปบ่อยครั้งแทบทุกสัปดาห์ จนผิดปกติ ทำให้นายบี (นามสมมุติ)อายุ 50 ปี สามีของนางเอ เกิดความสงสัย แต่นางเอก็อ้างว่าไปงานกฐิน, งานผ้าป่า, หรืองานวัดต่าง ๆ ทุกครั้งก็จะเอาลูกสาววัยอายุ 14 ปีไปด้วย
ต่อมานายบีจึงสอบถามกับลูกสาวถึงพฤติกรรมของผู้เป็นแม่ ก็เลยมาทราบความจริงว่า ทุกครั้งที่นางเอไปถึงวัด ก็จะเดินเข้าไปในกุฏิของพระสรรเสริญ ก่อนจะล็อคห้อง หายไปประมาณ 1-2 ชั่วโมงโดยให้ลูกสาวนั่งอ่านหนังสือรออยู่ข้างนอก เลยทำให้นายบียิ่งเกิดความสงสัย เมื่อนางเอ กลับมาจากวัด จึงได้แอบค้นกระเป๋าของภรรยาดู ก็พบมีถุงยางอนามัยซุกซ่อนอยู่ด้วย จนสุดท้ายนายบีจึงขอร้องให้ลูกสาวช่วยแอบมองเข้าไปในกุฎิของพระสรรเสริญ ขณะที่อยู่กับนางเอ ทำให้เห็นว่าทั้งสองกำลังมีเพศสัมพันธ์กัน หลังจากทราบความจริงแล้ว นายบีเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จึงเข้ามาร้องเรียนให้กองปราบฯช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย
ทั้งนี้ ผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบพระสรรเสริญในขณะกำลังมีเพศสัมพันธ์กับนางเอภายในกุฏิจริง รวมทั้งตัวพระสรรเสริญ เองก็ยอมรับสารภาพว่า มีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวคนดังกล่าวจริง จึงขอยินยอมสึกจากสมณเพศ โดยจะขอเดินทางไปสึกกับพระโสภณกาญจนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรี ที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม เจ้าหน้าที่จึงยินยอม โดยหลังจากสึกแล้ว จึงได้ปล่อยตัวไป เพราะเป็นความผิดทางศาสนา โดยนายสรรเสริญ จะไม่สามารถกลับมาบวชได้อีกแล้ว เพราะว่า “อาบัติปาราชิก”