นายกเมืองพัทยาไม่สนกระแสดราม่าชายหาดบางแสนคนเที่ยวทะลักเต็มชายหาดผิดกับชายหาดพัทยาเงียบเหงา ย้ำนักท่องเที่ยวคนละกลุ่มเปรียบเทียบกันไม่ได้ คาดปลดล็อกระยะที่ 4 สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
จากกรณีที่ภาครัฐมีการประกาศผ่อนปรนมาตรการในระยะที่ 3 พบว่าพื้นที่สาธารณะใหญ่ เช่น ชายหาดได้เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเข้าไปใช้พื้นที่ทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ได้ตามปกติ ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมามีประชาชนเข้าไปทำกิจกรรมจำนวนมา โดยเฉพาะชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี มีนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน จนส่งผลให้การจราจรหนาแน่นและแออัด กระทั่งต้องมีการประกาศปิดเส้นทางการจราจรลงชายหาดบางเส้นทาง จนเกิดกระแสดราม่าและมีการเปรียบเทียบกันกับชายหาดพัทยาที่พบว่ายังคงเงียบเหงาและบางตา
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ชี้แจงเหตุดราม่าว่า เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เนื่องนักท่องเที่ยวที่เมืองพัทยากับบางแสนเป็นคนละกลุ่มกัน โดยชายหาดพัทยาส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหาดบางแสนจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นแบบนี้มานาน 10 กว่าปีแล้ว ถือว่ามีความชัดเจนมากในตลาดการท่องเที่ยว โดยในช่วงนี้จะหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวที่หาดพัทยาก็คงจะยาก เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกยังคงอยู่ในช่วงวิกฤตโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ผลจากกรณีนี้เลยทำให้ชายหาดพัทยายังคงไม่คึกคัก ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดหาดไปแล้วก็ตาม รวมถึงบริบทในด้านต่างๆก็แตกต่างกันระหว่างชายหาดพัทยา และชายหาดบางแสน อาทิ การเดินทางบางแสนจะใกล้กว่าพัทยา เรื่องของอาหารการกินที่พบว่าหาดบางแสนตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวคนไทยได้ดีกว่า เนื่องจากราคาไม่แพงและมีให้เลือกซื้อจำนวนมาก ทำให้หาดบางแสนจึงเป็นตลาดของคนไทย ส่วนพื้นที่พัทยาหาดที่คนไทยนิยมมานั่งพักผ่อนกันก็จะเป็นชายหาดจอมเทียน
สำหรับ สถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยาจะมีกระแสในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไร คงจะรอให้ภาครัฐปลดล็อกระยะที่ 4 ให้เร็วขึ้น และร่วมกันหามาตรการในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายในประเทศตามลำดับ เพราะในช่วงนี้การส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด