อุดรธานี-ผู้ว่าฯนำนักธุรกิจในท้องถิ่นนำเงินมาไถ่ถอนเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้านที่นำมาจำนำใว้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ได้นำกลับไปประกอบอาชีพวงเงินกว่า 6 แสนบาท
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.บริเวณด้านหน้าร้าน “อีซี่มันนี่” สาขาถนนอุดรดุษฎี เทศบาลนครอุดรธานี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี นายธวัชชัย ศรีทอง รอง ผวจ.อุดรธานี นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานหอการค้า จ.อุดรธานี นำนักธุรกิจในท้องถิ่นร่วม “ปลดหนี้จำนำ สร้างโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อย” ไถ่ถอนเครื่องมือทำกินที่ประชาชนนำมาจำนำไว้ในช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 โดยมี เจ้าของทรัพย์สินบางส่วนเดินทางมารับการไถ่ถอน พร้อมรับข้าวสาร 5 กก.จาก พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล อดีต ผบก.ภ.จว.อุดรธานี
ทั้งนี้ สถานรับจำนำอีซี่มันนี่อุดรธานี 2 สาขา คือ ถนนอุดรดุษฎี และถนนนิตโย เทศบาลนครอุดรธานี ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือช่าง และเครื่องดนตรี รวมทั้งสิ้น 192 ชิ้น รวมเงินไถ่ถอน 189,326 บาท โดยทางร้านไม่คิดดอกเบี้ย และร่วมสมทบเงินเข้าโครงการ “ปลดหนี้จำนำ สร้างโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อย”อีก 40,000 บาท รวมรับการไถ่ถอนคืนแล้ว 835 ชิ้น วงเงิน 646,630 บาท
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า เงินที่นำมาปลดหนี้ไม่ใช่ของผู้ว่าฯ แต่เป็นเงินที่นักธุรกิจผู้ใหญ่ใจดีอุดรธานี เห็นว่าพี่น้องประชาชนเดือดร้อนมาก จนต้องเอาเครื่องมือหากินมาจำนำ เมื่อเอามาจำนำก็ขาดเครื่องมือที่จะไปทำงานหาเงินให้ครอบครัวทำให้เสียโอกาส โครงการนี้จึงเป็นการสร้างโอกาส ให้นำเครื่องมือทำกินไปสร้างงาน หารายได้ สร้างอาชีพ ไม่ได้หวังให้เอาอะไรมาตอบแทน ขอเพียงให้ทุกคนตั้งใจทำงาน ขอแค่เป็นคนดีของสังคมต่อไป
“ ผมอยากให้เราคิดถึงคนอื่นมากขึ้น ไม่ใช้มองเฉพาะตัวเราเพียงอย่างเดียว ที่นี่นครอุดรธานี เป็นเมืองแห่งความรัก และความห่วงใย เมื่อมีเพียงพอก็มีแบ่งปัน ตอนแทนสังคม เครื่องมือช่างก็นำไปใช้ทำงาน เครื่องดนตรีก็เอากลับไปซ้อม ตอนนี้สถานบันเทิงยังเปิดไม่ได้ อดทนซ้อมให้มีความคล่องเหมือนเดิม พร้อมจะทำงานเมื่ออนุญาตให้เปิด ” ผวจ.อุดรธานีกล่าว
นายนิรัตน์ กล่าวว่า การปลดหนี้จำนำเริ่มครั้งแรก เป็นทรัพย์สินเครื่องมือทำกินชิ้นละไม่เกินวงเงิน 500 บาท แต่เมื่อเริ่มแล้วมีบรรดานักธุรกิจ ผู้ใหญ่ใจดีของอุดรธานี เสนอตัวเข้ามาสนับสนุนต่อเนื่อง ทำให้มีจำนวนเงินมากกว่า 1 ล้านบาท ทำให้วงเงินขยับขึ้นเป็นไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งน่าจะไถ่ถอนได้ 1,203 ราย แต่มาถึงวันนี้น่าจะมากกว่า 1,300 ราย และหากเงินยังเหลืออยู่ให้ลงมาดูว่า “เครื่องมือทำกิน” ที่มียอดสูงกว่า 1,000 บาท จะไถ่ถอนได้อีกเท่าไหร่