ชลบุรี-กองทัพเรือเตรียมปิดศูนย์กักตัวผู้เดินทางกลับจากเกาหลีใต้ที่สัตหีบตามคำสั่งรัฐบาล พร้อมจัดบัส 16 คันส่งผีน้อย 240 ชีวิตกลับภูมิลำเนาเช้าวันพรุ่งนี้
เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ อาคารรับรองสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ พร้อมด้วย นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ ผอ.การสำนัก งานสุขภาพที่ 6 และ น.ต.หญิง ปฐวี บุญตานนท์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ ร่วมแถลงขั้นตอนและวิธีการส่งกลับกลุ่มแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ที่พักเฝ้าระวังอาการ จำนวน 240 คนกลับสู่ภูมิลำเนาหลังมีคำสั่งจากรัฐบาลให้ดำเนินการปิดศูนย์เฝ้าระวังทั่วประเทศทั้ง 232 ศูนย์ ซึ่งอาคารรับรองที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ถือเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
สำหรับ การเตรียมการส่งกลับของแรงงานไทย จะต้องมีหลายขั้นตอน เนื่องจากผู้ที่อยู่ในศูนย์ส่วนใหญ่จะมีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ การเดินทางจะไกลและใช้เวลานาน จึงต้องมีการวางแผนการส่งกลับที่เข้มงวด โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 13 มี.ค.
พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กองทัพเรือจัดพื้นที่เฝ้าระวังที่อาคารรับรอง กองเรือยุทธการ อ่าวดงตาล อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อใช้ในการกักตัวคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ตั้งแต่การรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และปัจจุบันมีการรับกลุ่มแรงงานไทยจากประเทศเกาหลีใต้มียอดรวม 240 ราย ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. รวมทั้งต่อมาได้มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศรวม 232 พื้นที่
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งจากรัฐบาลให้ทำการยุบศูนย์เฝ้าระวังทั่วประเทศ รวมที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี ทางศูนย์ฯ ก็คงต้องดำเนินการตาม โดยจะยุติการเฝ้าระวังกลุ่มคนไทยจากเกาหลีทั้งหมด และเตรียมความพร้อมในการส่งกลับไปยังภูมิลำเนา เป็นไปตามมาตรฐานขององค์กรอนามัยโลก โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการดูแลอย่างเข้มงวด
สำหรับอาคารรับรองของฐานทัพเรือสัตหีบ แม้จะมีการส่งคนกับภูมิลำเนาไปแล้ว แต่ทางกองทัพเรือก็ยังจัดเตรียมความพร้อมไว้ ในกรณีที่รัฐบาลต้องการใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือเรื่องอื่นใด เช่น การกักตัวผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม โดยมีเจ้าหน้าที่และบุคลากรเตรียมความพร้อมไว้อย่างเต็มที่
ด้าน นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ ผอ.การสำนักงานสุขภาพที่ 6 กล่าวว่า คนไทยที่เดินทางกลับจากเกาหลีใต้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี และไม่มีรายใดเข้าข่ายเจ็บป่วยหรือเป็นโรค จึงถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย ทางรัฐบาลจึงมีคำสั่งให้กลุ่มคนเหล่านี้กลับไปเฝ้าระวังที่ภูมิลำเนาแทน โดยจะให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม.เข้าไปตรวจเฝ้าระวัง แนะนำวิธีการปฏิบัติทั้งตัวผู้ที่เดินทางกลับและญาติพี่น้อง โดยมั่นใจได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านตามพื้นที่ชุมชนให้เป็นที่วิตกกังวลแน่นอน
ขณะที่ น.ต.หญิงปฐวี บุญตานนท์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ กล่าวว่า ช่วงเช้าพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) จะมีรถบัสโดยสารรับเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยจะมีการตรวจวัดไข้อีกครั้ง หากพบมีใครเกิดอาการป่วยก็จะนำส่ง รพ.ทันที สิ่งหนึ่งที่หลายคนเป็นห่วงคือเรื่องสภาพจิตใจคนกลุ่มนี้อาจถูกสังคมไม่ต้อนรับ จึงอยากให้ทุกพื้นที่เร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจด้วยว่าทางรัฐมีมาตรการควบคุมอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดแน่นอน ที่สำคัญโรคโควิด-19 ติดต่อได้เพียง 2 ทาง คือ ละอองฝอยจาการไอจาม มีระยะในอากาศเพียง 1 เมตร และการสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรงเท่านั้นไม่มีการล่องลอยและติดกันทางอากาศ จึงอยากให้มีความเข้าใจและเคารพสิทธิของความเป็นคนไทยกันด้วย
สำหรับ การส่งตัวกลับบ้านช่วงเช้าวันที่ 13 มี.ค.นี้้ใช้รถโดยสารทั้งหมด 16 คัน เป็นรถบัสใหญ่ 13 คัน และรถยนต์โดยสารขนาดเล็ก 3 คัน แบ่งออกเป็นสายอีสาน สายเหนือ สายใต้ สายชลบุรี-ระยอง สายกรุงเทพและปริมณฑล โดยจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้อำนวยการเดินทางในรถแต่ละคัน แล้วจะเดินทางไปยังสถานที่ที่ถูกกำหนดไว้ของจังหวัดต่าง ๆ เมื่อถึงสถานที่ที่กำหนด สาธารณสุขจังหวัด จะเป็นผู้มารับเพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านพัก ก่อนที่สาธารณสุขประจำตำบลจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดการปฏิบัติตนต่าง ๆ