ภูเก็ต-ตำรวจจับอาหลานได้คาหนังคาเขาขณะกำลังขนกัญชา 120 กก.หลังสั่งซื้อผ่านไลน์จากกรุงเทพฯในชื่อว่า“ความคิด”เตรียมส่งให้ลูกค้าในภูเก็ต
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.วัชระ ทองประเทือง รองผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ต แถลงจับกุมผู้ต้องหา 2 คนพร้อมของกลางกัญชาน้ำหนัก 120 กิโลกรัม
พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ได้รับข้อมูลจากสายลับว่า จะมีการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายมาจากกรุงเทพฯโดยสินค้าดังกล่าวไม่มีการเขียนชื่อผู้รับและผู้ส่ง มีปลายทางที่บริเวณภายใน ซอยนิมิต 2 ถ.อ๋องซิมผ่าย ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบริเวณในซอยนิมิต 2 ได้พบกับรถรับจ้างตุ๊กตุ๊ก หมายเลขทะเบียน 30-9518 ภูเก็ต จอดอยู่ในซอยพบผู้ต้องหาทั้ง 2 คนกำลังขนย้ายสินค้าที่สายลับให้ข้อมูลไว้ขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและขอตรวจค้น ทราบชื่อผู้ต้องหา คือ 1.นายชัยวัฒน์ เสมสวัสดิ์ อายุ 54 ปี 2.นายชนะ ชูลักษณ์ อายุ 44 ปี
จากการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ห่อด้วยกระดาษสีทอง บรรจุในถุงพลาสติกสีเหลือง จำนวน 22 ถุง ถุงละ 2 แท่ง ใส่ไว้ในลังกระดาษอีกชั้น และ กัญชาห่อด้วยกระดาษสีแดง บรรจุในถุงพลาสติกสีแดง ใส่ไว้ในลังกระดาษอีกชั้นจำนวน 76 ถุง โดยบรรจุถุงละ 1 แท่ง รวม 120 แท่ง นำหนัก 120 กิโลกรัม จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีซึ่ง ผู้ต้องหา 1 ใน 2 ให้การยอมรับว่า ได้สั่งซื้อกัญชาจากกรุงเทพฯผ่านทางไลน์ ที่ใช้ชื่อว่า “ความคิด”
อย่างไรก็ตาม ถูกจับกุมได้รับแจ้งว่าของมาถึงแล้ว จึงชวนหลานชายให้ขับรถมารับของเมื่อมาถึงครึ่งทางได้รับการประสานว่าของรวมอยู่ในลังใหญ่ 2 ลัง ให้นำไปส่งให้ลูกค้าคนอื่นให้ด้วย โดยให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 5,000 บาท แต่ขณะกำลังขนของขึ้นรถก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเสียก่อน
สำหรับ ผู้ต้องหาอีกราย กล่าวว่า ตนไม่รู้เรื่อง อาบอกให้ไปช่วยขนของจะได้รับค่าจ้าง 5,000 บาท จึงมาโดยไม่รู้ว่าเป็นกัญชา ถ้ารู้จะไม่ทำ เพราะไม่คุ้มถ้าถูกจับแต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อคำให้การ จะสอบสวนขยายผลถึงผู้จ้างวานในเครือข่ายไลน์ดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป