ผู้ว่าฯปทุมธานีเปิดแผนบริหารจัดการน้ำมั่นใจผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งได้อย่างแน่นอน
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ดร.พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายชาธิป รุจนเสรีรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยนายชาญ พวงเพ็ชร์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายสาคร อำภิน รองนายกองค์บริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายพิษณุ พลธี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตที่ 6 จังหวัดปทุมธานี นายสันต์ สร้อยแสง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี ว่าที่ร้อยตรีขรรค์ไชย ทันธิมา ท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี นายนิคม วัชรดิเรกรัตน์ ชลประทานจังหวัดปทุมธานี นายพิษณุ ประภาธานันท์ นายอำเภอธัญบุรี นายนิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง นายสมชาย ตรีณาวงษ์ นายอำเภอหนองเสือ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและภัยแล้งในพื้นที่อำเภอหนองเสือ อำเภอธัญบุรี และอำเภอคลองหลวง เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ภัยแล้งและวางมาตรการลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและภัยแล้ง รวมถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่คลอง 7 คลอง 8 คลอง 9และคลอง 13 จังหวัดปทุมธานี
ทั้งนี้ จังหวัดปทุมธานีกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง มุ่งเน้นการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ให้จัดหาแหล่งน้ำสำรอง การสูบน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงไปยังระบบการผลิตน้ำประปา รวมถึงสำรวจเส้นทางคมนาคมเลียบลำคลอง ลำน้ำ และแม่น้ำ เพื่อวางมาตรการป้องกันการพังทลายของตลิ่ง ส่วนน้ำเพื่อการเกษตร ให้ดำเนินมาตรการควบคุมการใช้น้ำในพื้นที่ตามแผนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเคร่งครัด อีกทั้งขอความร่วมมือเกษตรกรมิให้ปิดกั้นลำน้ำและสูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบจากภาวะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ตลอดจนสร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาภัยแล้ง ทั้งข้อมูลสถานการณ์น้ำ มาตรการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ ควบคู่กับการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีพื้นที่พืชสวนและนาข้าวรอการเก็บเกี่ยวเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ
ดร.พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า การรับมือสถานการณ์ภัยแล้งเราได้ประชุมวางแผนกันทุกภาคส่วนมาตั้งแต่เดือนต้นพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยขณะนี้ได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า(ภัยแล้ง)จังหวัดปทุมธานี แก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำ เพื่อบูรณาการทำงานทั้งจังหวัดเพื่อวางแผนระยะยาว ในการเก็บน้ำการพร่องน้ำในพื้นที่ต่างๆซึ่งตอนนี้เราควบคุมสถานการณ์ของน้ำไว้ได้แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือ ประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยส่วนภาคการเกษตรนั้น ขณะนี้ได้มีการขอความร่วมมือในการงดปลูกข้าวนาปรัง และปรับเปลี่ยนให้กลับมาทำการเกษตรที่ใช้น้ำน้อยแทน ย้ำทุกคนอย่าตระหนกตกใจ ต้องร่วมมือร่วมใจประหยัดน้ำ ใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งนี้ไปด้วยกันและมั่นใจบริหารจัดการน้ำวิกฤติภัยแล้งนี้ได้อย่างแน่นอน
ด้านนายชาญ พวงเพ็ชร์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าว่า จากการบรูณาการทุกภาคส่วนของจังหวัดปทุมธานี ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีได้สูบน้ำและขนเครื่องมือหนัก ขุดลอกคลองตั้งแต่คลอง 7 คลอง8 คลอง9และคลอง10ไปยันคลอง13 เพื่อเปิดทางเดินน้ำ เราจะได้รับน้ำ3ทางคือมาจากคลองรังสิตฯ ทางหนองแคจังหวัดสระบุรี และทางนครนายก ซึ่งตอนนี้ประชาชนและเกษตรกร ได้รับน้ำบรรเทาทุกข์ไปได้ทั่วถึงแล้ว โดยขณะนี้น้ำในคลอง7จากแห้งแล้งกลับมามีน้ำเต็มคลองแล้ว เราจะให้ประชาชนสลับการสูบน้ำแต่ละคลองโดยทั่วถึงและเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เรามั่นใจว่าคณะทำงานของจังหวัดปทุมธานี บริหารจัดการน้ำได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีจึงได้สั่งการให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี องค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรในพื้นที่ ด้วยการสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำนครนายกเข้าสู่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ เพื่อผันน้ำเข้าคลอง 7 ถึงคลอง 14 โดยวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อม อาทิ ระดับน้ำในแม่น้ำ ช่วงเวลาการขึ้นลงของระดับน้ำทะเล ระดับค่าความเค็มของน้ำ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม พร้อมกำชับให้นายอำเภอทั้ง3อำเภอคืออำเภอธัญบุรี,อำเภอคลองหลวงและอำเภอหนองเสือเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอย่าให้เกิดความขัดแย้ง