บุรีรัมย์-รองผู้การฯบุรีรัมย์บุกตรวจสถานสงเคราะห์สุนัข หลังลูกจ้างร้องถูกนายจ้างชาวต่างชาติกดขี่ขังในกรงหมาซ้ำยังให้อดข้าวอดน้ำ อ้างทำงานไม่ถูกใจ
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.พ.ต.อ.อดุลย์ ชัยประสิทธิกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยตำรวจ สภ.บ้านกรวด, ผู้แทนปศุสัตว์จังหวัด, สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด , สาธารณอำเภอ และฝ่ายปกครองอำเภอบ้านกรวด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานสงเคราะห์สัตว์ (สุนัข) “The Sound Of Animals” ตั้งอยู่หมู่ 1 ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด ซึ่งถูกลูกจ้างชาวไทยทำงานอยู่ในสถานสงเคราะห์สัตว์ดังกล่าว 15 คน ร้องเรียนผ่านโซเชียล และแจ้งลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานที่ สภ.บ้านกรวด
ทั้งนี้ มีการกล่าวหาว่าได้ถูกนายมิเกล อายุ 50 ปี ชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นนายจ้าง หรือเจ้าของสถานสงเคราะห์สุนัขขังในคอกที่ใช้สำหรับเลี้ยงสุนัข และบางคนถูกขังไว้ในกรงให้อยู่กับสุนัขด้วย ทั้งให้อดข้าว อดน้ำ อีกทั้งยังกล่าวหาว่านายจ้างต่างชาติคนดังกล่าวมีพฤติกรรมกดขี่ดุด่าบังคับสารพัด เพราะทำงานไม่ถูกใจ ซึ่งกรณีดังกล่าวถูกโซเชียลวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่ต่างต่อว่านายจ้างชาวต่างชาติว่ามาอยู่เมืองไทยแต่กลับกดขี่ข่มเหงคนไทย
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบนายจ้างชาวต่างชาติและภรรยาชาวไทยซึ่งเป็นเจ้าของสถานสงเคราะห์สัตว์ เนื่องจากได้เดินทางไปออกรายการที่กรุงเทพฯ ขณะที่ลูกจ้างบางคนก็เดินทางไปออกรายการที่กรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน แต่ยังมีลูกจ้างจำนวน 9 คนที่ยังทำงานในสถานสงเคราะห์ตามปกติ
จากการสอบถาม น.ส.หยก อายุ 17 ปี หนึ่งในลูกจ้าง กล่าว่า เพิ่งเข้ามาทำงานที่สถานสงเคราห์สัตว์ได้ประมาณ 3 เดือน ได้ค่าจ้างเดือนละ 10,000 บาท ตอนที่เข้ามาแรกๆ ถูกนายจ้างชาวต่างชาติสั่งให้เข้าไปอยู่ในกรงกับสุนัขหลายครั้งๆ ละประมาณ 10 นาที โดยนายจ้างอ้างว่าพึ่งมาทำงานใหม่ต้องเข้าไปปรับตัวให้คุ้นกับสุนัขก่อน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากลัวจะถูกสุนัขกัดเพราะขังไว้ในกรงเดียวกัน แต่ด้วยความที่อยากทำงานมีรายได้จึงยอมทำตามคำสั่ง ส่วนลูกจ้างคนอื่นๆ ก็ถูกดุด่าบังคับสารพัด แต่ก็ยอมทนเพราะส่วนมากจะมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง สามารถเดินทางไปกลับได้และค่าจ้าง 10,000 บาทก็ถือว่าค่อนข้างสูง กระทั่งล่าสุดที่ทำให้ลูกจ้างรู้สึกทนไม่ไหวเพราะสั่งให้อยู่ในคอกสุนัขห้ามออกมาข้างนอกจนกว่าจะถึงเวลาพัก
ด้าน พ.ต.อ.อดุลย์ ชัยประสิทธิกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่า สถานสงเคราะห์สัตว์ดังกล่าวได้แจ้งขึ้นทะเบียนเป็นสถานสงเคราะห์สัตว์ตามพ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 กับทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2561 สิ้นสุดวันที่ 4 มิ.ย.2564 ปัจจุบันมีสุนัขอยู่กว่า 200 ตัว แต่ไม่เจอเจ้าของ จึงยังไม่ได้ข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะได้เข้ามาตรวจสอบหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง หากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่านายจ้างได้กระทำผิดจริงตามที่ถูกร้องเรียน ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย