พิษณุโลก-ตำรวจภาค 6 ตามรวบสองผัวเมียแม่ข่ายหลอกชาวบ้านในอ.บางระกำชวนทำงานผ่านเฟซบุ๊กอ้างได้รายได้งามสุดท้ายหอบเงินหนี ชาวบ้านนับร้อยแห่ดูหน้าตะโกนสาปแช่ง
จากกรณีชาวบ้านนับ 100 รายหลายหมู่บ้านใน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เข้าแจ้งความว่า ถูกกลุ่มมิจฉาชีพใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “บ้านบีบีงานเสริม” และ “ขวัญงานเสริม” โฆษณาชักชวนทำอาชีพเสริมหารายได้ เช่น แยกสีกระดิ่ง แยกสียางวง และแพ็คดอกรักส่งโรงงาน จะได้ค่าจ้างพร้อมกำไรแตกต่างกันไป โดยมีชาวบ้านจำนวนมากหลงเชื่อพากันนำเงินไปลงทุนซื้อของและอุปกรณ์จากแม่ข่าย แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกถูกโกงไม่ได้กำไรจริงตามที่โฆษณาเอาไว้ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายจำนวนกว่า 30 ล้านบาท ก่อนจะรวมตัวกันไปแจ้งความเอาไว้ที่ สภ.บางระกำ และแจ้งความร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.พิษณุโลก
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสอนตำรวจภูธรภาค 6 อ.เมือง จ.พิษณุโลก พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.สส.ภ.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพร ทองรอด รอง ผบก.สส.ภ.6 และทีมชุดเฉพาะกิจละไม บก.สส.ภ.6 ตำรวจกองปราบปรามได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายวิญญู ดีมี อายุ 34 ปี และ นางศิริพร ดีมี อายุ 36 ปี สองสามีภรรยา ชาว จ.พิษณุโลก ตามหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลกในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยสามารถติดตามจับกุมได้ที่ จ.สมุทรปราการ ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนที่ บก.สส.ภ.6 โดยมีชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อทราบข่าวจำนวนกว่า 100 คน เดินทางมาเฝ้ารอดูหน้าผู้ต้องหา
เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเฟซบุ๊กโฆษณาชักชวนให้คนมาทำงานหารายได้เสริม ระยะแรกจะส่งให้กับแม่ข่ายรายใหญ่ที่ อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร มีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารให้กับผู้ที่มาร่วมลงทุนจริง แต่เห็นว่าทำแล้วมีเงินหมุนเวียนเข้ามาเยอะจึงตัดสินใจทำเอง โดยไม่ส่งเงินให้กับแม่ข่าย กระทั่งตั้งตัวเป็นแม่ข่ายเองจนสุดท้ายหมุนเงินไม่ทันไม่มีเงินไปจ่ายให้กับชาวบ้านที่มาร่วมลงทุนจนความแตกในที่สุด ก่อนจะถูกติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
นางสิทธิณี สระทองเติม อายุ 52 ปี ชาวบ้าน อ.บางระกำ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนนำทองที่มีรวมกับเงินเก็บจำนวน 4 แสนบาท ไปร่วมลงทุนกับกลุ่มมิจฉาชีพด้วยการนำดอกรักมาแพ็คขายต้องไปรับอุปกรณ์จากนางศิริพรที่บ้านพักใน อ.บางระกำ รับมาราคา 350 บาท เมื่อแยกเป็นชุดส่งขายเป็นแพ็ค จะได้เงินต้นรวมกำไรจำนวน 600 บาท จะลงทุนซื้ออุปกรณ์ครั้งละหลายร้อยชุด จะต้องรอเงินโอนเข้าบัญชีทุก 20 วัน แต่ระยะหลังไม่ได้เงินคืนจึงทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จนสุดท้ายมาทราบว่ามีชาวบ้านหลายรายถูกโกงในลักษณะเดียวกันจึงรวมตัวกันพาไปแจ้งความ ส่วนที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีว่าจะได้เงินคืนหรือไม่ แค่เงินที่ลงทุนไปก็พอ ไม่สนใจกำไรที่ได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังตำรวจได้ร่วมกันสอบสวน 2 ผู้ต้องหาพร้อมกับตัวแทนชาวบ้านผู้เสียหายแล้ว ได้พาผู้ต้องเดินไปขึ้นรถตู้ที่จอดรถไว้ด้านหน้าอาคาร โดยมีกลุ่มชาวบ้านที่มารอดูโฉมหน้า ซึ่งยังอยู่ในอารมณ์โมโหโกรธแค้น พยายามจะฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้าไป แต่ถูกกันไว้ โดยมีกำลังตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาเดินไปขึ้นรถตู้อย่างรวดเร็ว ซึ่งชาวบ้านแต่ละคนต่างตะโกนสาปแช่ง ไม่คิดว่าคนในอำเภอเดียวกัน หมู่บ้านเดียวกัน จะหากินบนความทุกข์ของคนอื่น ก่อนจะนำผู้ต้องหาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนที่ สภ.บางระกำ