นครศรีธรรมราช-คลื่นลมแรงพัดน้ำทะเลเซาะริมหาดเมืองคอน 2 อำเภอพังยับเยินชาวบ้านโวยเคยร้องไปยังหน่วยงานราชการกลับนิ่งเฉย วอนเร่งนำหินมาถมกันคลื่นสูง
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ริมทะเล 2 อำเภอ คือ อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้เกิดคลื่นลมแรงพัดกระหน่ำเข้าฝั่งริมทะเล โดยที่ริมหาดพื้นที่ อ.ปากพนัง ประกอบด้วย ต.แหลมตะลุมพุก ต.ปากพนังฝั่งวันออก ต.ท่าพญา และ ต.ขนาบนาก ทำให้ชายทะเลได้รับความเสียหายเป็นทางยาว
นอกจากนั้น บริเวณชายหาด ต.ขนาบนาก อ.ปากพนังพบว่า ยังมีคลื่นลมซัดผ่านแนวกันคลื่นเกือบถึงถนนสายปากพนัง-หัวไทร ทำให้คนที่ขับรถผ่านไปมาต้องคอยระวังอันตรายจากคลื่นทะเลตลอดเส้นทาง อย่างไรก็ตามแนวกันคลื่นซึ่งเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่ทำเป็นแนวยาวนั้นสามารถช่วยกันไม่ให้คลื่นที่มีขนาดใหญ่ซัดฝั่งได้ เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมทะเลของพื้นที่ อ.ปากพนัง ได้ระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ในส่วนพื้นที่ของ อ.หัวไทร ที่ หมู่ 5 และ หมู่ 6 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร พบว่าแนวหินกันคลื่นไม่สามารถต้านคลื่นขนาดใหญ่ได้ เมื่อคลื่นซัดเข้าฝั่งได้ทำให้ตลิ่งถูกน้ำทะเลกัดเซาะเข้าไปกว่า 6 เมตรแล้ว เหลือไม่ถึง 1 เมตรก็จะถึงแนวต้นมะพร้าวจาก 2 หมู่บ้านที่มีบ้านเรือนเกือบ 50 หลัง หากไม่ได้รับการแก้ปัญหาอาจจะรับผลกระทบทั้งหมด ชาวบ้านจึงได้ออกมาเฝ้าระวังตลอดทั้งวันทั้งคืน เนื่องจากเกรงว่าหากคลื่นซัดถึงตัวบ้านอาจจะได้รับอันตรายได้
นายรักชาติ นุ่นสังข์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/1 หมู่ 5 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร กล่าวว่า เกิดคลื่นลมแรงตั้งแต่เดือนต.ค. 2562 หลังจากมีการนำหินมาทำแนวคลื่นแต่ระดับต่ำมาก ชาวบ้านได้บอกไปแล้วว่า กันคลื่นไม่อยู่ พอเกิดคลื่นซึ่งมีความสูงประมาณ 2-3 เมตรซัดเข้าฝั่ง จึงได้รับผลกระทบอย่างที่เห็น นอกจากนี้เคยร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วแต่ ยังไม่มีใครเข้ามาตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้น
“ทางอำเภอบอกว่าจะมาแก้ปัญหาให้แต่ยังไม่เข้ามา ชาวบ้านอยากให้นำหินมาเทเพิ่มระดับของแนวกันคลื่นให้สูงขึ้น ซึ่งตอนน้ำลดก็ไม่เป็นอะไร แต่พอน้ำขึ้นก็เดือดร้อนทันที ช่วงนี้ถือว่ายังไม่หนัก แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งจะมีลมตะเภาพัดเข้ามา 1 เดือนเต็ม หากเกิดลมตะเภาอาจจะกระทบทั้งหมด จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาดูแลเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้วย” นายรักชาติ กล่าว