อธิบดี พช.ลงพื้นที่ภาคอีสานมอบนโยบายการทำงานให้พัฒนาการจังหวัด พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะมุ่งหวังให้เกิดผลสำเร็จ ย้ำต้องทำงานเป็นทีมดึงประชาชนมีส่วนร่วม
เมื่อวันที่ 10 ต.ค.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน(พช.) กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแนวทางการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนให้แก่พัฒนาการจังหวัด และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.สุรินทร์ พร้อมด้วย นายกฤษฎา แก้วสองเมือง รองผวจ.สุรินทร์, น.ส.ศันสนีย์ ทาสม ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน , นายสรสาสน์ สีเพ็ง พัฒนาการจ.สุรินทร์ , พัฒนาการจังหวัด พัฒนาการอำเภอ และพัฒนากรในพื้นที่จ.ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ และ มหาสารคาม กว่า 130 คน เข้าร่วม ณ โรงเเรมทองธารินทร์ จ.สุรินทร์
ทั้งนี้ ในการประชุมอธิบดี พช.ได้รับฟังการนำเสนอผลการดำเนินงานจากพัฒนาการจังหวัด และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนทุกระดับใน 3 ประเด็น คือ 1.ในปีที่ผ่านมาทำอะไร ปัญหา อุปสรรค และความต้องการคืออะไร 2.ในปี 2563 จะทำอะไร และ 3. สมมติถ้าเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน จะทำงานอย่างไร
ทั้งนี้ ในตอนท้าย อธิบดี พช.ได้ฝากถึงการดำเนินงานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงว่าจะผลักดันให้มีการย้อนกลับไปสู่รากเหง้าชีวิตที่แท้จริงของชาวบ้าน โดยเน้นที่ Basic 6×2 เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว การเลี้ยงเป็ดไก่ เพื่อกินไข่/เนื้อ โดยต้องทำไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด รวมถึงเน้นแนวทาง "โคก หนอง นา โมเดล" เพื่อทำเป็นศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน ที่ศูนย์ศึกษา ทั้ง 11 แห่ง ทั่วประเทศ ที่จะเป็นการเรียนรู้โดยการปฏิบัติ และนำมาส่งเสริม ต่อยอด ในพื้นที่
นอกจากนั้น ก็ต้องขอให้ทางบริษัท ประชารัฐ รักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) ในทุกจังหวัด ช่วยเป็นตัวกลางในการส่งเสริมการตลาดพืชผักปลอดภัย มารวบรวมผลผลิตและขายให้ โรงพยาบาล โรงแรม โรงเรียน ร้านอาหาร (4 ร.) และให้ช่วยเน้นเอาของดีของตัวเองออกมาขาย แต่ต้องเป็นของดีที่ปลอดภัย เช่น มีนาข้าว ปลา กบ แมลงปอ ฯลฯ นักท่องเที่ยว หรือชาวต่างชาติก็จะอยากมาสัมผัสกับวิถีชุมชน อยากเห็นประเพณีวัฒนธรรม อยากลิ้มรสอาหารพื้นถิ่น ที่ทั้งหมดนี้ ก็ต้อง สะอาด ปลอดภัย ก็อยากขอให้ช่วยกันรณรงค์ส่งเสริมจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้บ้านเมืองสะอาด ปราศจากขยะ มีสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วย
นายสุทธิพงษ์ ยังฝากถึงการทำงานว่า ให้บูรณาการ เน้นการทำงานเป็นทีม และต้องให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพราะการมีทีมงาน หรือใช้หลักการประชารัฐนี้ ถือเป็นอรกหนึ่งหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เพื่อพัฒนาชุมชน ให้เกิดความผาสุกแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ แก้ไขปัญหาเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง และ กรมฯ เอง ก็มีความเชื่อมั่นว่า พวกเราทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดินแน่นอน