อพท.จับมือทีต้าร่วมพัฒนา 4 เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร ชูอัตลักษณ์อาหารถิ่นที่มีเรื่องเล่าเป็นจุดขายดึงความสนใจนักท่องเที่ยวเป้าหมาย ประเดิมจัดทริปนำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวทดสอบเส้นทางก่อนนำเสนอขายจริง
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เปิดเผยว่า อพท. ได้ร่วมกับ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) ดำเนินโครงการการพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงอาหารด้วยการใช้ตลาดเชิงกลยุทธ์และการมีส่วนร่วม โดยเลือก จ.สุโขทัยเป็นต้นแบบดำเนินโครงการ
ทั้งนี้ เบื้องต้นพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหารร่วม 4 เส้นทาง ล่าสุดจัดกิจกรรมสำรวจเส้นทาง (FAM Trip) นำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจากกทม.ร่วมฟังบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงอาหารใน ที่จ.สุโขทัย และลงพื้นที่สำรวจเส้นทางสัมผัสกิจกรรมจริง โดย อพท. และทีต้าจะนำข้อเสนอแนะจากการจัดกิจกรรมในทริปนี้ไปปรับปรุงก่อนนำเสนอขายต่อนักท่องเที่ยว ซึ่งเป้าหมายหลักจะเป็นชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวคนไทยที่สนใจ
นายทวีพงษ์ กล่าวว่า การพัฒนา อพท.ใช้องค์ความรู้ด้านการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อนำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาการท่องเที่ยว และสร้างการเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทนำเที่ยว (Tour Agency) ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ตลาด และสามารถนำไปขายในตลาดท่องเที่ยวได้จริง นอกจากนี้ อพท. ยังได้นำเกณฑ์มาตรฐานการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ "อพท.น้อย" ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้องค์กรที่มีบทบาทในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น สามารถบริหารจัดการการท่องเที่ยวได้อย่างเป็นระบบ
สำหรับ 4 เส้นทาง ประกอบด้วย Evening Countryside Sunset Tour / Ancient Sukhothai Dessert Hopping / Sawankhalok Art & Food Tour และ Historical Sukhothai Food Tour by Local Truckชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่นจะได้ใช้กิจกรรมครั้งนี้ทดลองนำเสนอผลิตภัณฑ์และการให้บริการจริง เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์จริง สามารถนำไปปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สำหรับให้บริการกับนักท่องเที่ยวจริงต่อไปได้
“เลือกดำเนินการที่จ. สุโขทัย เพราะเห็นศักยภาพและความพร้อมในหลายด้านของจังหวัดนี้ อาทิ สถานที่ท่องเที่ยวสวยงามและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีอาหารอร่อยขึ้นชื่อที่บางชนิดมีการสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน มีอัตลักษณ์การปรุง อาหารเฉพาะท้องถิ่น ไม่สามารถหารับประทานที่อื่นได้ เช่น ข้าวเปิ๊บ และขนมแดกงา เป็นต้น” นายทวีพงษ์ กล่าว
ผู้อำนวยการ อพท. กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวประมาณ 1 ใน 3 ของการเดินทาง เป็นการจับจ่ายเรื่องอาหารและปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะได้เรียนรู้ ได้สัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ผ่านการสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนในชุมชน โดยมีอาหารเป็นปัจจัยหลักในการสร้างประสบการณ์ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ เช่น การทดลองทำอาหาร ทำของที่ระลึกในท้องถิ่น และการเที่ยวชมสถานที่ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบสำหรับใช้ปรุงอาหาร อพท. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยว จึงใช้เป็นเครื่องมือเพื่อพัฒนาศักยภาพและกระจายรายได้ โดยเฉพาะรายได้ที่มาจากอาหาร ผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายเงินและใช้เวลามากที่สุด
อย่างไรก็ตาม อพท.เคยพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหารแห่งแรกที่จ.กำแพงเพชร โดยเข้าไปศึกษาและวิเคราะห์อัตลักษณ์วัฒนธรรมอาหารพื้นถิ่นของจ.กำแพงเพชร คือบะหมี่ชากังราว เกิดเป็นสัญลักษณ์ในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด ซึ่งเป็นการอนุรักษ์รากวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร และจะนำไปสู่มิติของความยั่งยืนของชุมชนต่อไป