เชียงใหม่-จนท.ป่าไม้สนธิกำลักว่า 200 นายลุยตรวจรีสอร์ทกว่า 40 แห่งบนดอยม่อนแจ่มแหล่งท่องเที่ยวดัง ส่อพบบุกรุกขยายพื้นที่ถูกเปลี่ยนมือให้นายทุนหวั่นซ้ำรอยภูทับเบิก
เมื่อวันที่ 8 ก.ค.เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ สนธิกำลังร่วมกับ ทหารตำรวจ และฝ่ายปกครองกว่า 200 นาย นำโดยนายภูมินพศ์ บุญบันดาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ เข้าตรวจสอบพื้นที่รีสอร์ทม่อนอิงดาว บนดอยม่อนแจ่ม ต.แม่แรม อ.แม่ริม สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง เพื่อตรวจสอบการใช้พื้นที่ หลังจากได้รับรายงานว่า ที่รีสอร์ทแห่งนี้มีการบุกรุกขยายพื้นที่การใช้ประโยชน์ นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541
ทั้งนี้ การลงพื้นที่ตรวจสอบในวันนี้ มีชาวบ้านจาก หมู่บ้านหนองหอยเก่า หมู่บ้านหนองหอยใหม่ และหมู่บ้านแม่ขิ ซึ่งทั้ง 3 หมู่บ้านประกอบกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่หลายร้อยคนออกมาสังเกตการณ์ขณะตรวจสอบ พร้อมแสดงเจตนารมณ์ขอความเป็นธรรมยืนยันในความบริสุทธิ์ใจทำถูกต้องตามกฎหมาย ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่เกิดการกระทบกระทั่งกันแต่อย่างใด ซึ่งชาวบ้านก็ยืนยันว่า การรวมตัวกันเพื่อมาขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่เนื่องจากที่ผ่านมาประกอบอาชีพโดยสุจริต
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบรีสอร์ทม่อนอิงดาว ซึ่งอยู่บนเนินเขา พบมีห้องพักทั้งหมด 22 หลัง รวมทั้งมีลานกางเต็นท์ รองรับได้ประมาณ 30 หลัง เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือวัดพิกัดดาวเทียม ตรวจสอบแนวเขต เพื่อนำไปเทียบภาพดาวเทียม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังแบ่งกำลัง 4 ชุด เข้าตรวจสอบรีสอร์ทในบริเวณเดียวกันอีก 42 แห่ง ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ตามแผนปฏิบัติการ มีการดำเนินการมาเป็นระยะๆก่อนหน้านี้
สำหรับ การเข้าตรวจสอบในวันนี้ถือเป็นครั้งแรกของมาตรการจัดระเบียบพื้นที่การท่องเที่ยวบนดอยม่อนแจ่ม แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจ.เชียงใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้าจัดระเบียบการใช้พื้นที่สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และที่ดอยอินทนนท์ อ.จอมทองมาแล้วเพื่อป้องกันปัญหาการบุกรุกเช่นเดียวกับภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ โดยดอยม่อนแจ่ม อยู่ในพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม และพื้นที่ของโครงการหลวงหนองหอย
ก่อนหน้านี้แถวบ้าน ในพื้นที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อทำการเกษตรตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย. 2541 แต่ภายหลังได้เปลี่ยนพื้นที่มาประกอบธุรกิจท่องเที่ยวเปิดเป็นโฮมสเตย์ และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก กระทั่งล่าสุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวของรีสอร์ทอย่างรวดเร็ว ล่าสุดมีตัวเลขผู้ประกอบการ 45 ราย มีห้องพักรวมกันเกือบ 1,000 ห้อง นอกจากจะมีการบุกรุกขยายพื้นที่ยังมีรายงานด้วยว่า มีการซื้อขายเปลี่ยนมือให้กลุ่มนายทุน ซึ่งทั้งหมดเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
นายภูมินพศ์ บุญบันดาร ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า ข้อมูลจากการตรวจสอบแนวเขตในวันนี้จะนำไปตรวจเทียบกับแผนที่ที่ดินทำกินย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2554 หากไม่ถูกต้องก็ต้องผลักดัน ดำเนินคดีตามกฏหมาย สำหรับพื้นที่บริเวณนี้ ในปี 2554 มีการรังวัดจัดสรรพื้นที่หลังไปแล้ว 600 กว่าราย หากมีการซื้อขายผิดวัตถุต้องเพิกถอนแปลงนั้นออกไป เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวงหนองหอยที่ต้องการให้ชาวบ้านมีที่ดินทำกิน แต่ภายหลังพบว่ากลายเป็นรีสอร์ท ซึ่งถือว่าผิดวัตถุประสงค์ ทำให้ต้องมีการจัดระเบียบพื้นที่ โดยจะใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.โรงแรม เข้ามาดำเนินการ
ด้านนายวิชิต เมธาอนันต์กุล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม และตัวประชาชนหมู่ที่ 4-7-11 ต.แม่แรม อ.แม่ริม กล่าวว่า พวกเราไม่ได้ต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ที่มารวมตัวกันเพื่อต้องการการชี้แจงจากภาครัฐ เนื่องตลอดระยะเวลา 4 ช่วงอายุ ตั้งแต่รุ่นปู่ พ่อ ตัวเขาเอง และรุ่นลูก ต้องอยู่แบบหวาดระแวงมาโดยตลอดว่าเจ้าหน้าที่จะมาจับ ทั้งที่อยู่กันมาเป็น 100 ปีแล้ว หากเจ้าหน้าที่จะมาดำเนินการอะไร ประชาชนพร้อมปฏิบัติตามข้อกฎหมายทุกอย่าง
"อยากจะให้มาชี้รังวัดที่ให้ชัดเจน เพื่อพวกเราอยู่กันแบบสบายใจ ส่วนที่หันมาทำเป็นโฮมสเตย์นั้น เนื่องจากการทำการเกษตรต้นทุนสูงมาก ผลกำไรแทบไม่เห็น แต่หลังจากมาทำโฮมสเตย์ผลตอบรับมากกว่า 80% ในด้านการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในช่วงฤดูร้องปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ประชาชนในหมู่บ้านได้จัดเวรยามตลอด 24 ชม.ในเวลากว่า 2 เดือนโดยไม่ได้พึ่งงบประมาณจากภาครัฐแม้แต่บาทเดียว นอกจากนี้ในชุมชนได้จัดหางบเพื่อปลูกป่าเเละดูแลป่าชุมชนปีละ 500,000 บาทต่อปี" นายวิชิตกล่าว