THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

23 กุมภาพันธ์ 2562 : 14:42 น.

สถ. นำทีมลงพื้นที่ จ.สงขลา ติดตามการขับเคลื่อนโครงการ 'ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน' เพื่อประเทศไทยไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าจากขยะ พร้อมนำข้อมูลประเมินผลการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานชมรมแม่บ้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายธนา ยันตรโกวิท ที่ปรึกษา สถ. และผู้บริหาร ลงพื้นที่จ.สงขลา ตรวจติดตามโครงการพัฒนาและขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก จากโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน โดยมีนายศักระ กปิลกาญจน์ รองผวจ.สงขลา นายพนมเทียน เส้งวั่น ท้องถิ่นจ.สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกอบจ.สงขลา ผู้นำท้องถิ่น และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่เข้าร่วม  ณ บ้านห้วยขัน เทศบาลตำบลพะวง จ.สงขลา

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า สถ. ได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ชมรมแม่บ้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ชมรมแม่บ้านท้องถิ่นไทยจังหวัด และสภาสตรีแห่งชาติฯ จัดทำโครงการวิจัยการประเมินและรับรองผลการบริหารจัดการขยะเศษอาหารตามแนวทางการทำถังขยะเปียกในการช่วยลดสภาวะโลกร้อน โดยเทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้มีการดำเนินการจัดเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลา 30 วัน ในเบื้องต้น ทดลองการเก็บกลุ่มตัวอย่าง 5 จังหวัดใน 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ จ.ลำพูน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย และ ยโสธร ภาคกลาง จ.ลพบุรี และภาคใต้ จ.สงขลา

ทั้งนี้ โดยแต่ละจังหวัดจะมีการดำเนินการใน 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ ประเภทครัวเรือน ประเภทศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และประเภทโรงเรียน ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยอัตราการเกิดขยะเศษอาหารที่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงของ สถ. ในการลดภาระการบริหารจัดการขยะของส่วนรวม และสร้างมูลค่าเพิ่มจากสารบำรุงดินที่ได้จากการหมักขยะเศษอาหารในถังขยะเปียก ซึ่งในอนาคตการจัดทำถังขยะเปียกครัวเรือนสามารถประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงได้

อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อน หากได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองเพื่อพัฒนาคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) สำเร็จ ก็อาจมีรายได้ในอนาคตกลับคืนสู่ชุมชนได้ ซึ่งทางจุฬาฯ โดย รศ.ดร.ชนาธิป ผาริโน อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้พัฒนาระเบียบวิธีวิจัยการประเมินและรับรองผลการบริหารจัดการขยะเศษอาหารตามแนวทางการทำถังขยะเปียกในการช่วยลดสภาวะโลกร้อน โดยเทียบเท่าการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับสากลให้ด้วย

ทางด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานชมรมแม่บ้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ กล่าวว่า ในฐานะเครือข่ายจิตอาสา ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของพลังสตรีหรือพลังแม่บ้านในการเป็นจิตอาสาห่วงใยสิ่งแวดล้อม ห่วงใยสังคม และชุมชน ได้รับมอบนโยบายและเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะ โดยการคัดแยกขยะเศษอาหารตั้งแต่ต้นทาง นั่นคือ ครัวเรือน ซึ่งแม่บ้านเป็นผู้ใกล้ชิดที่สุด โดยทำการคัดแยกขยะเศษอาหารหรือขยะเปียกออกจากขยะทั่วไป และต้องช่วยรณรงค์สร้างความรับรู้ ความเข้าใจ และสร้างจิตสำนึกให้คนในท้องถิ่นได้มามีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะ และตระหนักถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะ เพื่อสร้างสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ตนเองและชุมชน และที่สำคัญช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่จะเป็นการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับชุมชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น

นายสุทธิพงษ์ และ ดร.วันดี ได้กล่าวชื่นชมเทศบาลตำบลพะวง และอบต.รัตภูมิ ที่เร่งดำเนินการการจัดการขยะเปียกครัวเรือนนำร่อง เพื่อคำนวนหาค่าเฉลี่ยอัตราการเกิดขยะเศษอาหาร ในการลดภาระการบริหารจัดการขยะของส่วนรวม และสร้างมูลค่าเพิ่มจากสารบำรุงดินที่ได้จากการหมักขยะเศษอาหารในถังขยะเปียก ทั้งของครัวเรือนในพื้นที่อำเภอเมือง เทศบาลตำบลพะวง 375 ครัวเรือน และของพื้นที่อำเภอควนเนียง อบต.รัตภูมิ 300 ครัวเรือน

"ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้พี่น้องประชาชนได้เกิดความตระหนักในเรื่องของการจัดขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยเฉพาะขยะอินทรีย์หรือขยะเปียก โดยการจัดทำถังขยะเปียกครัวเรือนของตนเอง เพื่อนำขยะเปียกเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้ และยังสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่เป็นการ Change For Good เปลี่ยนเพื่อโลกที่ดีกว่า เปลี่ยนเพื่อประเทศไทยที่สวยงามขึ้นกว่าเดิม "นายสุทธิพงษ์กล่าว

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ