THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

14 มกราคม 2562 : 16:00 น.

คนงานก่อสร้างร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชน เจอสรรพากรเรียกเก็บภาษี 483 ล้าน ด้านสรรพากรแจงมีชื่อดังกล่าวเปิดบริษัท

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2562 นายไพบูลย์ ศรีทอง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 1 ต.บ้านหอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนหลังได้รับหนังสือจากสรรพากรในพื้นที่ปราจีนบุรี เรื่องเตือนให้นำเงินภาษีอากรค้างไปชำระ โดยตนเองถูกเรียกเก็บภาษีมา 3 ครั้ง ครั้งแรกจำนวน 29 ล้านบาท ครั้งที่ 2 จำนวน 335 ล้านบาท และครั้งล่าสุดจำนวน 483 ล้านบาทเศษ และยังถูกทางสรรพากรแจ้งดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านนายไพบูลย์ พบเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียว ผนังเป็นอิฐบล็อกสร้างบนเนื้อที่ประมาณ 2 งานเศษ ด้านข้างมีเพิงเป็นที่อยู่ของแม่และหลาน ซึ่งสภาวะแวดล้อมโดยรวมอยู่ในฐานะยากจน

นายไพบูลย์ได้ให้ผู้สื่อข่าวดูหลักฐานที่ทางสรรพากรในพื้นที่ปราจีนบุรี เรียกเก็บภาษีเป็นหนังสือเตือนให้นำเงินภาษีอากรค้างไปชำระ เรียนถึงกรรมการผู้จัดการบริษัท มาแทน เฟอร์นิเจอร์ จำกัด เลขที่ 63 หมู่ 2 ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ที่ตนเองไม่เคยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว สาเหตุที่ถูกเรียกเก็บภาษีและถูกหมายเรียกคดีอาญาเชื่อว่าน่าจะมีผู้เอาหลักฐานของตนเองไปใช้ประโยชน์โดยที่ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน จึงร้องขอความเป็นธรรม

ทางด้าน พ.ต.ท.อาทิตย์ ศรีปราชญ์ พนักงานสอบสวน สภ.ประจันตคาม กล่าวว่า หลังจากได้รับการแจ้งความจากเจ้าหน้าที่สรรพากรในพื้นที่ปราจีนบุรีแล้ว มีการออกหมายเรียก นายไพบูลย์ มาทำการสอบสวน ซึ่งเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อกล่าวหา 2 ข้อ ไม่ยื่นแสดงภาษีและหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร

ในข้อมูลยืนยันจากสรรพากรนายไพบูลย์มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการเป็นผู้มีอำนาจในบริษัท มาแทน เฟอร์นิเจอร์ จำกัดเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นบริษัท ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ตกแต่งภายใน ซึ่งได้ส่งฟ้องศาลแล้ว ล่าสุดทางอัยการได้สั่งสอบคดีเพิ่มเติม โดยจะมีการนัดสอบสวนรายละเอียดอีกเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เข้าพบหัวหน้าสรรพากร จ.ปราจีนบุรี เพื่อขอรายละเอียด แต่ไม่สามารถให้ข้อมูลได้เนื่องจากต้องผ่านผู้บังคับบัญชาระดับสูงเท่านั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่สรรพากรให้ไปสอบถามข้อมูลที่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท โดย นายบุญเกียรติ์ พนาวรวัฒน์ นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท สำนักงานพาณิชย์ จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ตามที่นายไพบูลย์ร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรมนั้น ขอกล่าวสั้นๆ ว่านายไพบูลย์บิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่ นายไพบูลย์มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ตนเองเคยทำงานอยู่ และมีการลงลายมือชื่อและเคยมาทำติดต่อกับเจ้าหน้าที่หลายครั้ง มีการจดทะเบียนครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 37 นายไพบูลย์ เข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.57 ยกเลิกการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 5 ก.ค.61 มีการขึ้นศาลในแต่ละครั้งนายไพบูลย์ปฎิเสธทุกครั้ง นายไพบูลย์เป็นนอมีนีของนายจ้างกับคนมาทำการแทน 2 คน นายไพบูลย์รู้เรื่องดีเพราะเป็นลูกน้องใครเพียงแต่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องจริง

นายบุญเกียรติ์ กล่าวอีกว่า จากกรณีที่ นายไพบูลย์ได้รับหนังสือจากสรรพากรในพื้นที่ปราจีนบุรี เรื่องเตือนให้นำเงินภาษีอากรค้างไปชำระ โดยตนเองถูกเรียกเก็บภาษีมาจำนวน 3 ครั้ง ครั้งแรก 29 ล้านบาท ครั้งที่สอง จำนวน 335 ล้านบาท และครั้งที่สาม 483 ล้านบาท (ยังไม่รวมเงินเพิ่มตามกฎหมาย) และยังถูกทางสรรพากรดำเนินคดีอาญาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น สรรพากรพื้นที่ปราจีนบุรี ได้ดำเนินการเรียกเก็บภาษีค้างชำระตามเอกสารหลักฐานที่ปรากฏ โดย นายไพบูลย์ได้จดทะเบียนเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาแทนเฟอร์นิเจอร์ จำกัด ซึ่งค้างชำระภาษียอดแรกเป็นเงิน 29 ล้าน ยอดที่สอง 335 ล้านบาท (ยังไม่รวมเงินเพิ่มตามกฎหมาย) ยอดที่สาม 483 ล้านบาท (ยังไม่รวมเงินเพิ่มตามกฎหมาย)

นายบุญเกียรติ์ กล่าวอีกว่า ซึ่งแต่ละยอดเป็นยอดที่เกิดจากรายได้ของแต่ละปีแต่ละช่วงเวลากัน ซึ่งรวมแล้วจะต้องชำระภาษีราว 848 ล้านบาท ส่วน นายไพบูลย์ ศรีทอง จะเป็นกรรมการผู้จัดการจริงหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่สรรพากรแจ้งว่าเจ้าตัวต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ความจริง นายบุญเกียรติกล่าวด้วยว่า ชื่อนี้ได้จดทะเบียนบริษัทและเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท มาแทนเฟอร์นิเจอร์ จำกัด มีเอกสารในการจดทะเบียนครบถ้วน โดยมอบอำนาจให้ผู้อื่นมากระทำการแทน เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 57 และ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 61 นายไพบูลย์ได้เดินทางจดทะเบียนยกเลิกบริษัทด้วยตนเอง

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ