THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

13 พฤศจิกายน 2561 : 11:39 น.

ครอบครัวเศร้าศพ “ช่อลัดดา” ถึงบ้านเกิดแล้ว ครอบครัวระบุทุกคนร้องไห้จนไม่มีน้ำตา และขอทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ตายที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปสู่สุขคติ พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 09.000 น.วันที่ 13 พ.ย.ที่บ้านเลขที่ 10 ม.9 บ.แสงอรุณ ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น บ้านของ น.ส.ช่อลัดดา  ทาระวัน อายุ 38 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุสามีใช้น้ำกรดสาดเข้าที่ใบหน้าเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปอย่างโศกเศร้า ศพของผู้ตายมาถึงที่บ้านเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา โดยมีแม่,ลูกสาวและคนในครอบครัวนั้นเดินทางไปรับศพ ทันทีที่เดินทางมาถึงครอบครัวได้นำศพตั้งไว้ที่บริเวณชั้น 1 เพื่อให้คนในครอบครัวได้ร่วมไว้อาลัย โดยมีเพื่อนบ้าน และญาติช่วยกันจัดเตรียมสถานที่และจัดการพิธีงานศพให้

ขณะที่เช้าวันนี้ นางทองอาจ  ทาระวัน แม่ของ น.ส.ช่อลัดดา  พร้อมด้วย น้องเต้ (ของสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ  12 ปี บุตรสาวของผู้ตาย ได้เดินทางไปที่ที่ว่าการอำเภอแวงใหญ่ เพื่อยื่นเรื่องมรณบัตร รวมทั้งการย้ายที่อยู่ของน้องเต้ จากกทม.มาที่ จ.ขอนแก่น เนื่องจากครอบครัวมีมติตรงกันในการย้ายน้องเต้กลับมาเรียนที่บ้าน เพราะหากให้อยู่ที่กทม.ต่อไปต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียว

นายภาณุพงศ์  พันธ์ชมพู อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199 ม.8 ต.ห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ หลานของผู้ตาย กล่าวว่า ได้เดินทางไปหาผู้ตายทันทีที่ทราบข่าวการเสียชีวิต เพราะทุกคนห่วงทั้งคนตายและลูกสาว ที่ต้องอยู่ลำพังคนเดียว ขณะนี้ทุกอย่างนั้นเป็นไปตามขั้นตอน จากนี้ไปครอบครัวจะประกอบพิธีณาปนกิจศพตามประเพณี โดยกำหนดพิธีณาปนกิจศพในวันที่ 14 พ.ย. เพราะผู้ตายนั้นเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นการประกอบพิธีณาปนกิจศพแล้วครอบครัวจะเดินทางกลับกทม.เพื่อเก็บข้าวของของผู้ตายและน้องเต้ ทั้งหมด รวมทั้งการเคลียร์เรื่องเอกสารต่างๆ

“ ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือ วันนี้ครอบครัวขาดเสาหลักไปแล้วทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไปและสู้ต่อไป แม้วันนี้ทุกคนโดยเฉพาะแม่และลูกสาวของผู้ตาย จะมีจิตใจที่เข้มแข็งและมีกำลังใจขึ้นบ้าง แต่ก็ยังคงเศร้าและรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้ว จากนี้ไปขอทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดเพื่อให้ผู้ตายไปสู่สุขคติ ผมเพิ่งพบกับผู้ตายเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ผู้ตายและสามีเดินทางกลับมาร่วมงานศพญาติที่ขอนแก่น แต่มาวันนี้กลับเป็นผมเองที่ต้องไปรับศพน้าสาว แต่ที่เสียใจที่สุดคือแม่ของน้าช่อ หรือยายของผม ที่พึ่งกลับมาจากพบกับน้าช่อได้เพียง 3 วัน ก็ต้องกลับไปรับศพน้าช่อกลับบ้าน” นายภาณุพงศ์กล่าว

ด้าน นายปรีชา  ทาระวัน  อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171 ม.10 ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น ลุงของผู้ตาย กล่าวว่า ครอบครัวขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่แสดงความปรารถนาดีเข้ามาให้การช่วยเหลือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในระดับประทศและระดับจังหวัด ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้มาติดต่อและส่งคณะทำงานลงพื้นที่มาประสานงานในการทำงานด้านต่างๆ ทำให้ชุมชนทราบว่า เราไม่ได้ถูกทอดทิ้งแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล

สำหรับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางคดีก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องการรักษาพยาบาลนั้น คงต้องมอบหมายให้ทีมกฎหมายนั้นดำเนินการ ซึ่งเมื่อวานนี้ ได้เข้าร้องเรียนในเรื่องที่เกิดขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้รับกำลังใจจากผู้ใหญ่ ที่จะรับเรื่องของผู้ตายไว้พิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป

“ผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เรียนจบ เพื่อส่งเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว วันนี้เราขาดเสาหลักของครอบครัวไป ด้วยการกระทำของสามีใหม่ เราทุกคนก็ต้องช่วยกัน ลูกสาวของผู้ตาย หรือหลานสาวคนเล็ก ครอบครัวตัดสินใจให้กลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้ว อยู่กันตามสภาพช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างเต็มความสามารถเราเรียกร้องได้ก็เฉพาะในสิ่งที่ชาวบ้านทำได้” นายปรีชากล่าว

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ