นครราชสีมา-ขนุนพันธุ์ทวายปีเดียวทางเลือกใหม่ยุคราคาขนุนตกต่ำยืนพื้นกิโลกรัมละ 12 – 18 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ราคาขนุนพันธุ์ทองประเสริฐ ซึ่งเป็นที่นิยมเพาะปลูกกันเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา ต้องประสบกับปัญหาราคาที่ตกต่ำจากที่เคยราคาสูงสุดกว่า 40 บาทต่อกิโลกรัม เหลือเพียง 2 บาทต่อกิโลกรัมที่หน้าสวน เนื่องจากประสบปัญหาในเรื่องของการส่งออกจากสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้งยังเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ที่ออกมาอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะทุเรียนที่เป็นผลไม้แบ่งตลาดต่างประเทศจากขนุน ทำให้เกษตรกรต้องได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ก็ยังพอมีขนุนบางพันธุ์ที่ยังขายได้ราคา และยังมีตลาดต้องการเป็นจำนวนมาก จนแทบไม่พอขาย อาทิ ขนุนพันธุ์ทวายปีเดียวราคากิโลกรัมละ 12 – 18 บาท เนื่องจากเป็นขนุนที่มีรสชาติดี เนื้อเป็นโฟม หวานกรอบ และมียางน้อย
นายวีระ สร้อยสละ อายุ 57 ปี เกษตรกรผู้ปลูกขนุนทวายปีเดียว บ้านราษฏร์สุขสันต์ ต.สระว่าพระยา อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ตนเองได้ติดสินใจทดลองปลูกขนุนพันธุ์ทวายปีเดียวเป็นเจ้าแรกๆของอำเภอครบุรี โดยจัดสรรเนื้อที่ปลูกไว้ประมาณ 12 ไร่ ขนุนเริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่ปีแรกที่ปลูก แต่เริ่มเก็บเกี่ยวได้จริงในปีที่สอง ในขณะที่พันธุ์อื่นจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี จึงจะให้ผลผลิต ตอนนี้ผ่านมา 4 ปี มีขนุนทั้งหมดกว่า 1 พันต้น
อย่างไรก็ตาม ขนุนพันธุ์นี้ จะมีรสชาติหวาน กรอบ ยางน้อย ลูกกำลังเหมาะไม่เล็กหรือใหญ่มากไป อยู่ที่ประมาณ 9 – 12 กิโลกรัมต่อลูก ตรงตามมาตรฐานส่งออก ส่วนใหญ่ตลาดจะเป็นตลาดต่างประเทศ ส่งออกไปยังประเทศจีน ปีที่ผ่านมาที่สวนของตนเองส่งออกไปจีน 12 ตัน ส่วนที่เหลือก็ส่งขายให้กับแม่ค้าซึ่งจะมารับซื้อถึงสวน เพื่อนำไปแกะขายปลีก เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าเป็นอย่างมาก หลายคนที่เคยกิขนุนทวายปีเดียวแล้วจะติดใจ จนแทบจะไม่กินพันธุ์อื่นเลยทีเดียว
สำหรับ ราคาก็จะยืนพื้นตลาดอยู่ประมาณ 12 – 18 บาท ไม่ต่ำหรือสูงกว่านั้น ในขณะที่ขนุนพันธุ์อื่นราคาแกว่งไปมาอย่างต่อนี้ เหลือกิโลกรัมละ 2 บาทที่หน้าสวน ขณะที่การดูแลก็แทบไม่ต่างจากขนุนทั่วๆไป เพียงแต่ต้องระวังในเรื่องของโรคราสนิมเป็นพิเศษ อีกทั้งยังสามารถปลูกประชิดได้กว่าขนุนพันธุ์อื่น ทำให้จำนวนต้นต่อไร่มากขึ้น เพราะขนุนพันธุ์อื่นอย่างทองประเสริฐ จะปลูกระยะห่างกันประมาณ 6 X 7 เมตร แต่พันธุ์ทวายปีเดียวใช้ระยะห่าง 4 X 5 เมตรเท่านั้น ส่วนอื่นๆก็เหมือนกันหมด และในอนาคตอันใกล้นี้ตนเองก็จะขยับพื้นที่ปลูกใหม่มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของท้องตลาด
