อำนาจเจริญ-
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง พร้อมทีมงานเดินทางลงพื้นที่วัดป่าอรัญญาวิเวก ต.ไก่คำ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ เพื่อเข้ากราบหลวงปู่แสง และสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับกลุ่มญาติและลูกศิษย์
นายอนันต์ชัย แถลงข่าวภายหลังเข้ากราบ หลวงปู่แสง ว่า เมื่อปีที่แล้วมีเพื่อนที่เป็นผู้พิพากษา แนะนำว่าหากเดินทางไปยโสธร ให้เข้าไปกราบไหว้หลวงปู่แสง เพราะเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่เนื่องจากมีงานจำนวนมาก จึงไม่ได้เข้าไปกราบท่าน กระทั่งวันเกิดเหตุ ได้ดูคลิปบุกเข้าตรวจสอบ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก สิ่งที่หลวงปู่แสงได้รับ ถือเป็นการทำลาย และเหยียดย่ำหัวใจชาวพุทธ และชาวอีสาน ตนทนไม่ได้ แม้จะไม่เคยกราบไหว้ท่านเลย และเมื่อตนได้เข้ากราบไหว้แล้ว ถือว่าเป็นศิษย์หลวงปู่แสงแล้ว ส่วนตัวมองว่า กรณีนี้ไม่ชอบมาพากล
ทั้งนี้ พฤติกรรมของการเข้าตรวจสอบหลวงปู่แสงของหมอปลาและน้ำฟ้าที่เป็นลูกศิษย์ตน ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างมาก ทั้งการใช้คำหยาบ และใช้คำพูดส่อเสียด ถึงแม้จะเป็นลูกศิษย์ของตนเองก็ต้องมีการตักเตือน โดยโทรศัพท์ไปหาทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทีมงานของหมอปลาที่ยอมรับผิด และขอขมากับหลวงปู่แล้ว เวลาตำรวจจะไปค้นที่ไหน ยังต้องขอหมายศาลก่อน โดยตำรวจไม่มีอำนาจ แต่ต้องขออำนาจศาลตรวจค้น แต่หมอปลาเป็นใคร ใช้หน้าที่อะไรบุกรุกเข้าไปในวัด แล้วไปจับสึกพระ มันไม่ใช่หน้าที่ การกระทำแบบนี้มันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตนจะทำเรื่องถึงสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่องที่หมอปลาเข้ามาดำเนินการลักษณะนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ถ้าบุคคลใดบุกรุกเข้าไปในวัด ลักษณะเข้าไปจับผิดพระ ให้แจ้งดำเนินคดีฐานบุกรุกได้ทันที หรือถ้าเข้าไปแล้ว ก่อเหตุลักษณะล้อมหน้าหลัง ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ มีความผิดฐานบังคับข่มขืนใจผู้อื่น โดยพฤติกรรมที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นพฤติกรรมของกลุ่ม หมอปลาในวันเกิดเหตุ โดยเฉพาะหากก่อเหตุแบบนี้ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป จะมีความผิดฐานซ่องโจรอีกด้วย ยิ่งถ้ามีการดูหมิ่นเจ้าอาวาส ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูหมิ่นพระ ถือเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ฉะนั้นอยากฝากไปถึงวัดทุกวันในประเทศไทย หากหมอปลาหรือบุคคลใดก็ตาม มีพฤติกรรมแบบนี้ ไปแจ้งความดำเนินคดีได้เลย หรือถ้าวัดไหนถูกการกระทำเข้าข่ายลักษณะนี้ แล้วไม่กล้าแจ้งความ ขอให้แจ้งตนมา จะจัดการให้ วัดไม่ต้องกลัว เพราะเราทำพุทธศาสนา อย่าให้ใครมาทำลาย หรือทำร้าย
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า จากการพูดคุยกับญาติ และทนายความของหลวงปู่แสง รวมถึงตัวท่าน จะไม่เอาเรื่องเอาราวกับกลุ่มที่มาบุกรุก เพราะท่านมีเมตตาธรรม รวมถึงท่านไม่สามารถเป็นผู้เสียหายได้ เนื่องจากสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วน เพราะป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ส่วนบุคคลใดจะแจ้งความกล่าวโทษกัน ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล ตนเองไม่ขอก้าวล่วง โดยเฉพาะกลุ่มพระที่รอบข้างท่านในวันนี้ สามารถดำเนินคดีหมิ่นประมาทได้
“เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนราคาแพงของกลุ่มบุคคลว่า การไล่จับพระสึก การตรวจสอบพระ ไม่ใช่หน้าที่ ฉะนั้นอยากถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ที่ปล่อยให้คนไม่เกี่ยวข้องทำแบบนี้ เหมือนสำนักพุทธฯไม่มีหน้าที่อะไร และที่น่าสสังเวชใจ เพราะวันเกิดเหตุ มีระดับนายอำเภอมากับเขาด้วย อยากถามว่า มาในฐานะอะไร หรือมีคนประสานมา แต่คุณไมทำอะไร เพราะทุกอย่างมีระเบียบหน้าที่และขั้นตอนอยู่แล้ว ผมจะไม่ดำเนินการอะไร เพราะหลวงปู่บอกให้อโหสิกรรมให้อภัย”นายอนันต์ชัยกล่าว
ขณะที่ ทนายความของหลวงปู่แสง ยืนยันว่า ตามมติและเจตนารมณ์ของหลวงปู่ ไม่ต้องการให้ดำเนินคดี และขอให้อภัยต่อสิ่งทื่เกิดขึ้น ฉะนั้นหลังจากนี้ หากมีการดำเนินการใดๆ จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับท่านหลวงปู่แสง หรือญาติๆ แล้ว โดยหลวงปู่ยังแสดงความเป็นห่วงกลุ่มนักข่าวที่เข้ามาในวันนั้นอยู่เลย