ภูเก็ต-ผู้ว่าฯชี้แจงด่วนเด็ก12 ปีตาบอดหลังรับวัคซีนโควิด-19 ไม่เป็นความจริงตรวจแล้วพบป่วยติดเชื้อแบคทีเรียเข้าประสาทตาและฐานสมองไม่เกี่ยววัคซีน ยันทางจังหวัดช่วยเหลือเต็มที่

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวว่า เด็กชายอายุ 12 ปี มีอาการตาบอด หลังรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทีมแพทย์ได้ชี้แจงว่า ป่วยจากติดเชื้อแบคทีเรีย ลุกลามเข้าตาและฐานสมอง ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ซึ่งเมื่อทางจังหวัดทราบเรื่องนี้ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชี้แจงเร่งด่วนทุกฝ่ายในพื้นที่ได้ลงไปดูแลแล้ว โดยนายอำเภอถลาง ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปเยี่ยมเยียนดูแลช่วยเหลือเบื้องต้น ติดตามการรักษาและเยียวยาดูแล

" สิ่งที่ไม่สบายใจคือ ตอนนี้ ดวงตามองไม่เห็น จะดูแลกันต่ออย่างไรในการใช้ชีวิตและการเรียน ทางผู้ปกครองเด็กได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญส่งตัวเด็กไปดูแลแนวทางรักษาเพิ่มเติม ซึ่ง ทางจังหวัดได้พูดคุยหารือการฟื้นฟูกับการรักษาจะทำตามที่ผู้ปกครองมีความประสงค์ โดยทางหน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ร่วมกับบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต จะนำเด็กไปรักษาที่รพ.ศิริราช ในเร็วๆนี้ ส่วนการฟื้นฟู จะเป็นที่รพ.สงขลานครินทร์

ทั้งนี้ หน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ได้ประสานแจ้งอำเภอ อบต. และเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้ง ผอ.โรงเรียนที่เด็กได้ทำการเรียนอยู่ รวมทั้งได้บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น คือ รับจดทะเบียนคนพิการเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ในประเภทการมองเห็นและการเคลื่อนไหว ได้เบี้ยยังชีพของผู้พิการประมาณเดือนละ 1,000.-บาท

สำหรับ แนวทางช่วยเหลือต้องมีค่าใช้จ่ายรักษาตัวและศึกษาต่อในโรงเรียนเฉพาะทางนั้น ทางหน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ตจะรับเข้ากระบวนการ กองทุนคุ้มครองเด็กจะมีการช่วยเหลือต่อเนื่อง ประสานเรื่องการเดินทางที่จะเข้ารักษาในรพ.ร่วมกับบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดภูเก็ตและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ ทีมแพทย์ รพ.วชิระภูเก็ต ชี้แจงเด็กอายุ 12 ปี เข้ารักษาที่รพ.วชิระภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.64 -10ม.ค.65 ได้รับการส่งตัวจากรพ.ถลาง วันที่ 6 ธ.ค.64 โดยประวัติ วันที่ 15พ.ย.64 ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 เป็นเวลา 10 วันก่อนมารพ.และพบว่าในช่วง7 วันก่อนมารพ.มีตุ่มหนองหน้าแข้งด้านขวา บีบหนองออกเอง แผลหายไป และ 3 วันก่อนมารพ. ผู้ป่วยมีไข้ หนาวสั่น ผ่านมา 2 วันก่อนมารพ.มีเปลือกตาด้านขวบวมแดง เริ่มตามัว และ วันที่ 6 ธ.ค.ก่อนมารพ.เริ่มรู้สึกว่าลืมตาขวาไม่ค่อยขึ้น เปลือกตาบวมมากขึ้น

จากนั้น เช้าวันที่ 6 ธ.ค.ไปที่รพ.ถลาง มีอาการซึมลงต้องใส่ท่อช่วยหายใจนำส่งที่ รพ.วชิระภูเก็ต ในวันเดียวกัน มีอาการชักเกร็ง ได้รับยากันชักทางหลอดเลือดดำส่งตรวจเอ็กซเรย์ TC สแกน สมอง หาสาเหตุอาการชัก อาการไข้และเปลือกตาที่บวมแดง ผลเอกซเรย์พบว่ามีเนื้อสมองอักเสบ เปลือกตาขวาอักเสบที่บริเวณเปลือกตาและเบ้าตาด้านขวา และยังพบว่ามีการอักเสบของไซนัสหลายตำแหน่ง ในวันนั้นได้รับการรักษาในห้องไอซียูเด็ก ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.-22 ธ.ค.64 ได้ใส่ท่อช่วยหายใจวันที่ 6-16 ธ.ค.64 เมื่ออาการคงที่ได้ย้ายมาที่หอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม รักษาต่อเนื่องจนออกจากรพ.ได้วันที่10 ม.ค.65

อย่างไรก็ตาม สรุปการวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยรายนี้ คือ มีไซนัสอักเสบฉับพลันจากทุกไซนัส จากเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟีโลคอคคัส ออเรียส Staphykococcus aureus เป็นเชื้อที่พบได้ตามการอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังและพบในการติดเชื้อไซนัสอักเสบฉับพลันได้ มีเบ้าตาอักเสบและฝีหนองในเบ้าตาด้านขวา จากเชื้อเดียวกัน มีเยื่อหุ้มสมองอักเสบและเนื้อสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียนี้และมีการอักเสบของกระดูกรอบโพรงไซนัสและกระดูกรอบเบ้าตา มีภาวะอุดตันของแอ่งเลือดดำบริเวณฐานกะโหลก ทั้งหมดนี้เป็นภาวะที่เกิดขึ้นร่วมกัน สาเหตุที่สูญเสียการมองเห็นเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส อาจจะเริ่มจากไซนัสและลุกลามเข้าไปในตาและบริเวณฐานสมองทำให้เกิดการอักเสบของตาและเส้นประสาทตาและเส้นประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อตา ทำให้เกิดสูญเสียการมองเห็น