THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

26 เมษายน 2565 : 16:59 น.

พม.สองแควร่วมกับสำนักงานอัยการภาค 6 เข้าช่วยเหลือคนพิการเหยื่อเจ้าหนี้ดอกโหดถูกเจ้าหนี้ยึดบ้านนำไปประกาศขายทั้งที่เป็นที่ดิน สปก. ผงะ!ยืม 10,000 บาททบต้นทบดอกเป็น 130,000 บาท พบมีลูกหนี้เดือดร้อนกว่า10 ราย

เมื่อวันที่ 26 เมษายน นางอรนุช ชัยชาญ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6  ลงพื้นที่ร่วมกับ ปลัดอำเภอวังทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแก่งโสภา รองนายกอบต.บ้านกลาง ผู้แทนสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพิษณุโลก เข้าช่วยเหลือลูกหนี้ถูกนายทุนเก็บดอกเบี้ยโหด 2 ราย ในพื้นที่ต.บ้านกลาง อ.วังทอง ที่ถูกเจ้าหนี้อยู่ในพื้นที่ ต.บ้านกลาง บังคับให้ใช้เงินต้นทบดอกแพงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งยึดบ้านและที่ดินลูกหนี้ อีกทั้งมีการข่มขู่ลูกหนี้จนไม่สามารถอยู่ได้บางรายก็ถูกยึดที่นากว่า 30 ไร่

นางอรนุช กล่าวว่า หลังจากทางนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ ต.บ้านกลาง อ.วังทอง ได้มีประชาชนเป็นผู้พิการ ได้ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกเจ้าหนี้โหดรายนี้คิดเงินดอกเบี้ยเกินตามกฎหมายกำหนด จนเดือดร้อนไม่สามารถคืนเงินทั้งต้นและดอกได้ สุดท้ายก็มาบังคับยึดบ้าน ยึดที่ดิน ล็อคบ้านไม่ให้อยู่ได้ มีผู้เดือดร้อนทั้งตำบลหลาย 10 ราย แต่ที่ทาง พัฒนาสังคมฯเข้าไปดูแล เนื่องจากรายแรกเป็นผู้พิการ ทางภรรยาไปกู้เงินจากเจ้าหนี้รายนี้จำนวน  10,000 บาท ส่งดอกเบี้ยวันละ 100 บาท โดยเอาทะเบียนบ้านตัวจริงค้ำประกันไว้เป็นหลักฐาน ผู้เป็นสามีที่พิการได้ไปพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นพยานหลักฐาน หลังจากได้เงินแล้วภรรยาได้หนีออกจากบ้านไป ทำให้ตอนนี้จากหนี้ 10,000 บาท กลายเป็น 100,000 บาท และเมื่อวันที่  23 มี.ค.ที่ผ่านมา  เจ้าหนี้ได้มาติดป้ายประกาศขาย/เช่าบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับบุกรุกไปขนย้ายทรัพย์สินภายในบ้านมากองหน้าบ้าน ซึ่งเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับลูกหนี้ในหมู่บ้านหลายคน

ขณะที่ราย 2 เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวได้ไปยืมเงินกู้ระบบกับเจ้าหนี้รายนี้จำนวน 100,000 บาท โดยใช้ที่ดิน ( สปก.)ของพี่สาวต่างบิดา เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันไว้ สัญญาตกลงกันว่าต้องชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือน  เดือนละ 10,000 บาท ต่อมาส่งไม่ไหว ทำให้เจ้าหนี้ให้ไปทำสัญญาใหม่เป็นรายวัน โดยดอกเบี้ยจนถึงวันครบกำหนดจำนวน 30,000 บาท และนำไปทบเป็นเงิน กลายเป็นหนี้ 130,000 บาท โดยมีกำหนดชำระดอกเบี้ย วันละ 1,300 บาท ต้องชำระทุกวันก่อนเที่ยง หากเลยเที่ยงวันจะเสียค่าปรับเพิ่ม 130 บาทต่อวัน ช่วงแรกก็สามารถส่งได้จนกระทั่งคลอดลูก ก็ไม่มีรายได้และไม่สามารถส่งได้ จนเจ้าหนี้ก็ได้ข่มขู่จะยึดบ้านและฟ้องไล่ครอบครัวออกจากบ้าน หากไม่มีเงินก็ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านตนเองเดือนละ 3,000 บาท โดยที่จะต้องจ่ายรายวัน วันละ 100 บาท ก่อนเที่ยงเหมือนเดิม จากนั้นลูกหนี้รายนี้ได้ถูกกักตัว เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะติดโควิด จึงไม่ได้ส่งดอก ทำให้เจ้าหนี้โทรมาข่มขู่  ประจานและประกาศขายบ้านผ่านเฟซบุ๊ก ต่อมาก็ได้นำคนเข้าไปข่มขู่มารดาลูกหนี้ถึงบ้าน กดดันให้ออกจากบ้าน ไม่เช่นนั้นจะรื้อบ้านทิ้ง สุดท้ายได้ทำหนังสือยื่นขอความช่วยเหลือจาก รมว.พัฒนาสังคมฯ ต่อมาทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับ สำนักงานอัยการภาค 6 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้นัดเจรจาเพื่อหาทางออกในการชำระหนี้ ระหว่างผู้เสียหายกับเจ้าหนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าเจ้าหนี้ไม่มาเจรจาแต่อย่างใด

ด้านนายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6  กล่าวว่า หลายหน่วยงานโดยเฉพาะตำรวจ สภ.แก่งโสภาทำหนังสือเชิญตัวเจ้าหนี้รายนี้มาเจรจาเพื่อหาทางออก ปรากฏว่าเจ้าหนี้ไม่ยอมมาพบ ทางตำรวจก็จะทำหนังสือเชิญอีกครั้ง หากไม่มาพบพนักงานสอบสอนจะทำเรื่องขอหมายศาลออกหมายจับเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เนื่องจากเจ้าหนี้รายนี้กระทำผิดเข้าช่วยให้กู้และมีดอกเบี้ยเกินตามกฎหมายกำหนด และที่สำคัญไปยึดบ้านประกาศขายบ้านลูกหนี้ตามพละการไม่ได้ จะต้องผ่านศาลตัดสินให้กรมบังคับคดี  บังคับคดีในการขายบ้านเท่านั้น อีกทั้งที่ดินที่เจ้าหนี้ยึดไปเป็นที่ดิน สปก.ไม่สามารถซื้อขายได้เช่นกัน จากตรวจสอบว่ามีลูกหนี้ที่เดือดร้อนจากเจ้าหนี้รายนี้แล้วไม่ต่ำกว่า 10 ราย บางรายถูกยึดที่ดินไปกว่า 30 ไร่ก็มี หลังจากนี้หากมีลูกหนี้หรือผู้เสียหายต้องการให้ภาครัฐเข้าไปช่วยเหลือก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานอัยการ ภาค 6 หรือ สำนักงาน พมจ.พิษณุโลกได้

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ