"วิศาพัช มโนมัยรัตน์" หรือแซน โผล่สภ.เมืองนนทบุรี มอบตัวสู้คดี"แตงโม"พลัดตกเรือเสียชีวิต หลังศาลออกหมายจับ
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. เวลา 14.00 น.นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน เดินทางมาที่ สภ.เมืองนนทบุรีเพื่อรับทราบข้อหากระทำการโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หลังจากเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้อนุมัติออกหมายจับในคดีการเสัยชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ " ดาราสาวที่พลัดตกเรือเสียชีวิต โดย แซน เป็น1 ใน 5 บุคคลที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ท ก่อนที่ แตงโมจะพลัดตกลงแม่น้ำแล้วเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อแซนมาถึง ก็รีบเดินเข้าห้อง ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ทันทีด้วยความเร่งรีบโดยไม่ตอบคำถามใดของสื่อมวลชน
ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กสมชาย แสวงการ ระบุถึงคดีการเสียชีวิตของนักแสดงสาว แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ โดยมีข้อความดังนี้
จากการติดตามความคืบหน้าล่าสุดในข่าวคดีแตงโม เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินการหลายเรื่องที่กมธ เคยมีข้องสังเกตและเสนอแนะ อาทิ การสอบสวนพยานบนเรือเพิ่มเติมอีก และอื่นๆ ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งในการให้การต่างๆในคดีที่ดูจะขัดกัน เริ่มปรากฎความชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะข้อสังเกตุเกี่ยวกับการให้การเป็นพยานเท็จ การทำลายหลักฐาน การให้คำปรึกษาเพื่อไม่ต้องให้รับโทษหรือรับโทษน้อยลง หรืออาจพลิกหากมีหลักฐานว่าร่วมสนับสนุนการกระทำผิดด้วย
ขณะนี้จึงน่าจะประมวลข้อมูลและข้อกฎหมายเบื้องต้นนอกเหนือจากที่ผู้ต้องหา 2 คนคือ นายปอกับนายโรเบิร์ต อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา291 ผู้ใดกระทําโดยประมาท และการกระทํานั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวาง โทษจําคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท แล้ว อาจมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อาจต้องรับโทษเพิ่ม
เท่าที่พอเห็นเค้าลางขณะนี้แบ่งได้เป็น 3-4 บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ดังนี้ ครับ
1)บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่แจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา
มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา แก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2)บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ต้องสงสัยว่ามีการจงใจทำลายหลักฐานทิ้งหายไป มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 ผู้ใด เพื่อจะช่วยผู้อื่น มิให้ต้องรับโทษ หรือ ให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือ ทำให้สูญหาย หรือ ไร้ประโยชน์ ซึ่ง พยานหลักฐาน ในการกระทำความผิด ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน ห้าปี หรือ ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
3)บุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่นนอกเรือที่ช่วยให้คำปรึกษาแนะนำ โดยมีเจตนา คือรู้หรือควรรู้ว่าบุคคลนั้น เป็นผู้กระทำ ความผิดหรือ รู้ว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด และมีมูลเหตุจูงใจเพื่อไม่ให้ต้องโทษ
มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใด ช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำ ความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4)หากเป็นกรณีถ้าคดีพลิกมีหลักฐานว่าเป็นการร่วมกันช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำความผิด บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ร่วมสนับสนุนจะมีความผิดรับโทษ2ใน3 นั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ก่อนหรือขณะกระทำ ความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความ สะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น
ส่วนการสืบสวนสอบสวนจะเป็นไปตามนี้หรือไม่จะพาดพิงไปถึงใคร มีพยานหลักฐานมากน้อยแค่ไหน รัดกุมเพียงใด
ขอให้ทุกท่านอดใจรอ
เชื่อมั่นเถอะครับว่าเรื่องที่สังคมต้องการความยุติธรรมและต้องการเห็นความเป็นธรรมกับคดีแตงโมนั้น ไม่สูญเปล่าครับ
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา จะไม่วางมือจะคอยช่วยติดตามต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและความเป็นธรรมแน่นอนครับ