“เบญจา ชิกเก้น” จับมือ “มิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์ 2019” ตอกย้ำ “แบรนด์ไก่ซุปเปอร์พรีเมียม” สร้างประสบการณ์ “ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง” สู่เมนูจานหรูระดับมิชลิน 2 ปีซ้อน
เบญจา ชิกเก้น อัพเลเวลตลาดไก่สดเกรดพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรสนับสนุน Michelin Guide Dining Series 2019 2nd Edition ภายใต้แนวคิด “THE FRENCH CONNECTION” โดยนำเสนอประสบการณ์มื้อค่ำแบบฝรั่งเศสที่ผสานความเป็นไทย พร้อมเชิญพันธมิตรทางการค้า และแขกคนสำคัญเข้าลิ้มลองเมนคอร์ส 1 ใน 8 คอร์สเมนูสุดพิเศษ เมนูไก่ที่ปรุงด้วยเทคนิคการปรุงอาหารแบบฝรั่งเศส จากวัตถุดิบท้องถิ่นระดับพรีเมียม
“ไก่เบญจา ชิกเก้น” ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง โดยการร่วมกันรังสรรค์ระหว่างเชฟทั้ง 2 ท่านจากร้านอาหารระดับมิชลินถึง 2 ร้านด้วยกัน คือ เชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์ก (Chef Henk Savelberg) จากร้าน ซาเวลเบอร์ก (Savelberg) ร่วมกับ เชฟอเมริโก้ เซสติ (Chef Amerigo Sesti) จากร้าน แฌม บาย ฌองมิเชล โลรองต์ (J’AIME by Jean-Michel Lorain) ณ ร้านซาเวลเบิร์ก (Savelberg) รางวัล 1 ดาวมิชลิน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ผู้ปั้นผลิตภัณฑ์ เบญจา ชิกเก้น กล่าวว่า จากที่ Benja Chicken ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของมิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์ อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นั้น นับเป็นการตอกย้ำของแบรนด์ในตลาดระดับพรีเมียม โดยเฉพาะร้านอาหารระดับมิชลิน และผู้บริโภคกลุ่มไฮเอนด์ ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์มีความแข็งแกร่งและชัดเจนขึ้นในระดับโกลบอล โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็น VIP และพันธมิตรทางธุรกิจที่เชิญมาร่วมงาน Michelin Guide Dining Series 2019 2nd Edition
จะได้เปิดประสบการณ์อาหารในระดับ World Class ไปพร้อมๆ กับการลิ้มรส ผลิตภัณฑ์ Benja Chicken อันเป็นที่ยอมรับในการนำมาปรุง ด้วยฝีมือเชฟระดับโลก เชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์ก จากร้าน ซาเวลเบอร์ก (Savelberg) ร่วมกับ เชฟอเมริโก้ เซสติ จากร้าน แฌม บาย ฌองมิเชล โลรองต์ สองเชฟที่หลงไหลในอาหารฝรั่งเศส ซึ่งเชฟทั้งสองรังสรรค์อาหาร 8 คอร์สร่วมกันเป็นครั้งแรก ในรูปแบบของอาหาร Fine Dining อย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ลูกค้าทั้ง 3 กลุ่มของ Benja Chicken ให้การตอบรับเป็นอย่างดีอย่างต่อเนื่องและเพิ่มสัดส่วนขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมปีที่แล้วเปิดตัวไปใน กลุ่ม End Consumer เป็นกลุ่มแรก ผ่านทางตลาด Retail ระดับพรีเมียม อาทิ Gourmet Market, Home Fresh Mart, Central Food Hall, Tops Market, Foodland, Villa Market, MaxValu, CP FreshMart, Rimping เชียงใหม่, Golden Place, Takashimaya, Donki, Tokyu และ Makro พร้อมๆ กับพันธมิตรที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ใน กลุ่มร้านอาหาร อาทิ Mo-Mo-Paradise, Jones’ Salad, Dak Galbi, Red Sun, Santafe, Scoozi,
ร้านเขียง ในเครือ Zen, U&I, โชนัน และโรงแรมชั้นนำ รวมจำนวนกว่า 214 สาขาทั่วประเทศ จนนำมาสู่ความไว้วางใจจากเหล่าบรรดาเชฟและร้านอาหารระดับมิชลิน อาทิ ร้านเสน่ห์จันทน์ , ร้านชิม บายสยามวิสดอม และ ร้าน PASTE เป็นต้น สำหรับกลุ่มสุดท้ายเป็นตลาดต่างประเทศ ที่จะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ในการปั้นแบรนด์สินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ ที่ได้มาตรฐานระดับโลก โดยในปี 2562 นี้ พร้อมแล้วที่จะบุกตลาด สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง ก่อนจะไปประเทศญี่ปุ่นในปี 2563”